เรียกว่าผ่านพ้นไปด้วยดี สำหรับศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆ ซึ่งในฟุตบอลโลกครั้งนี้ มีเรื่องราวที่น่าสนใจ เกิดขึ้นมากมาย วันนี้พวกเราเลยจะมาตามเพื่อนๆ ไปดู ควันหลง ฟุตบอลโลก 2022 จากทีมงาน เก่งหลังเกม
ควันหลง ฟุตบอลโลก 2022 กับรายการที่หลายคนอยากลืม
ฟุตบอลโลกครั้งนี้ มีเรื่องราวมากมาย ทั้งที่น่าประทับใจ และเรื่องที่หลายคนอยากลืม โดยเริ่มตั้งแต่ ช่วงเวลาของการแข่งขัน ที่ปกติแล้ว ฟุตบอลโลก จะแข่งขันกันในเดือน มิถุนายน – กรกฎาคม
แต่ด้วยสภาพอากาศ ของประเทศเจ้าภาพอย่าง กาตาร์ ในช่วงดังกล่าวร้อนจนเกินไป ทำให้ต้องปรับมาแข่ง ในช่วงเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม
ส่งผลให้ฟุตบอลลีก ต้องมีการปรับโปรแกรม ให้แข่งเร็วขึ้น และยัดโปรแกรมค่อนข้างถี่ จนมีนักเตะชื่อดังมากมาย ที่เจ็บก่อนการแข่งขัน ในครั้งนี้จะเริ่มขึ้น
ดราม่าเรื่อง การเลือกเจ้าภาพในครั้งนี้ ก็มีเช่นเดียวกัน เพราะอะไรหลายๆ อย่าง ชี้ให้เห็นว่า กาตาร์ ดูจะไม่เหมาะสม ที่จะเป็นเจ้าภาพ ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ แต่พวกเขาก็สามารถ ได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพ ในท้ายที่สุด
แต่สุดท้ายแล้ว เจ้าภาพอย่างพวกเขา ก็ตกรอบแรก เป็นทีมที่สองในประวัติศาสตร์ ของฟุตบอลโลก ต่อจาก แอฟริกาใต้ ในปี 2010 แต่พวกเขาอาการหนักกว่า ตรงที่แพ้รวด เก็บไม่ได้ซักคะแนน
เกมที่พลิกล็อคที่สุด ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ คงหนีไม่พ้นเกมที่ อาร์เจนติน่า พ่ายต่อ ซาอุดิอาระเบีย 1-2 เรียกได้ว่าไม่มีใครคาดคิด เพราะทาง ฟ้าขาว ถือว่าเป็นเต็งแชมป์
ส่วนเกมที่น่าจดจำ นอกจากเกมนัดชิงชนะเลิศแล้ว คงเป็นเกมที่ ญี่ปุ่น พลิกเอาชนะทั้ง เยอรมัน และ สเปน ได้ 2-1 ยิ่งเกมกับ กระทิงดุ มีเหตุการณ์ตวัดบอลก่อนออกหลัง
ด้านทีมเต็งหนึ่งอย่าง บราซิล ที่หลายคนมองว่า พวกเขาพร้อมมาก สำหรับฟุตบอลโลกครั้งนี้ แต่ไปเจอทีเด็ดของ โครเอเชีย ยื้อจนต้องยิงจุดโทษ และทาง ตราหมากรุก ก็ยิงแม่นกว่าเอาชนะไป 4-2
ซึ่งเกมดังกล่าว เป็นเกมที่ โครเอเชีย ต้องดวลเป้าตัดสิน สองนัดติดต่อกัน ทำให้ โดมินิค ลิวาโควิช ผู้รักษาประตูของทีม แจ้งเกิดเต็มตัว ในฟุตบอลโลกครั้งนี้
ส่วนแข้งที่แจ้งเกิด ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ คงหนีไม่พ้น โซฟิยาน อัมราบัต กองกลางตัวรับของ โมร็อกโก ที่เล่นได้อย่างโดดเด่น พาทีมเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนจบในอันดับ 4 ของรายการ
อีกรายก็ได้แก่ อเล็กซิส แม็ค-อัลลิสเตอร์ กองกลางผึ้งงานของ อาร์เจนติน่า ที่กลายมาเป็นตัวหลักของทีม หลังจากพวกเขาพ่ายในนัดแรก จนกลายเป็นไม้เด็ดของทีม จนถึงนัดชิงชนะเลิศ
ลูก้า โมดริช ในวัย 37 ปี สามารถเล่นได้ในระดับสูง จนไม่อยากเชื่อว่า จะอายุปูนนี้แล้ว ซึ่งล่าสุดเจ้าตัว ก็ยังไม่เลิกเล่นทีมชาติ เตรียมช่วยโครเอเชีย ในศึกยูโร ครั้งหน้าแน่นอน
กอนซาโล รามอส กองหน้าดาวรุ่งของ โปรตุเกส ได้โอกาศออกสตาร์ทตัวจริงแทน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายกับ สวิตเซอร์แลนด์ และทำแฮตทริคได้ น่าเสียดายที่นัดต่อมา ฟอร์มเงียบหายไป จนทีมตกรอบ
ส่วน CR7 ความฝันที่จะคว้าแชมป์โลก มลายหายไปแล้ว และก็ไม่รู้ว่าอนาคตของเจ้าตัว จะเป็นอย่างไร หลังก่อนเริ่มรายการนี้ มีดราม่ากับต้นสังกัด จนต้องยกเลิกสัญญากันเป็นที่เรียบร้อย
ฝรั่งเศส ที่ขาดนักเตะหลายคน ที่เจ็บก่อนเริ่มแข่งรายการนี้ สามารถเข้าชิงชนะเลิศได้อีกครั้ง โดยแดนกลางเป็นการจับคู่กันของ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ และ อาเดรียง ราบิโอต์
ที่เซอร์ไพรส์คือ อองตวน กรีซมันน์ ทีเด็ดแนวรุกของทีม ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ เน้นเล่นเกมรับเป็นพิเศษ ทำให้ยิงไม่ได้ซักลูก แต่ช่วยเกมรับในแดนกลางของ ตราไก่ ไว้ได้เยอะมากทีเดียว
คีเลียน เอ็มบัปเป้ แบกฝรั่งเศสจัดๆ เลย โดยในครั้งนี้ยิงไปได้ถึง 8 ประตู คว้าดาวซัลโวของการแข่งขัน แถมยังเป็นการ ทำแฮตทริค ในรอบชิงชนะเลิศได้อีกด้วย น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้ว พวกเขารักษาแชมป์ไว้ไม่ได้
โดย อาร์เจนติน่า กลายเป็นแชมป์แทน แม้จะพ่ายในเกมนัดเปิดหัว แต่หลังจากนั้น พวกเขารู้ตัวทัน ปรับหมากหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะในแดนกลาง จนทีมทำผลงานได้ดี จนนัดชิงชนะเลิศ
ซึ่ง เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ เซฟช่วยชีวิตทีมไว้ได้หลายหน ทั้งจังหวะในเกม และการดวลจุดโทษถึง 2 นัด ในรอบก่อนรองชนะเลิศกับ เนเธอร์แลนด์ และเกมนัดชิงชนะเลิศกับ ฝรั่งเศส
ส่งผลให้ ลิโอเนล เมสซี่ คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก ที่เจ้าตัวรอคอยกันมานาน แม้จะหวุดหวิดไปหลายหน หลังโดนเพื่อนร่วมสโมสรอย่าง เอ็มบัปเป้ ดึงลงมาจากบัลลังก์ หลายต่อหลายหน
ต้องยอมรับว่าแฟนบอล หลายต่อหลายคน ก็อยากจะเห็น หนึ่งในนักเตะ ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ คว้าถ้วยรางวัล ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในวงการฟุตบอลซักครั้ง
แถมการต่อสู้กัน ในนัดชิงชนะเลิศ น่าจะเป็นการแข่งขัน ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก ด้วยเช่นกัน ดังนั้นฟุตบอลโลกครั้งนี้ ที่ไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไหร่ ยังมีสตอรี่ในนัดชิงชนะเลิศ ช่วยชีวิตของพวกเขาไว้ได้นั่นเอง
แฟนบอลโปรไลเซนส์