เส้นทางสู่ รอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022

ในที่สุด ฟุตบอลโลก 2022 ก็เดินทางมาถึง รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งจะเป็นการพบกันระหว่าง อาร์เจนติน่า กับ ฝรั่งเศส ในวันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม เวลา 22.00 นาฬิกา วันนี้ เก่งหลังเกม จะพาเพื่อนๆ มาดู เส้นทางสู่ รอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022 ว่าทั้งสองทีมผ่านอะไรกันมาบ้าง

เส้นทางสู่ รอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022 ทั้งสองทีมผ่านอะไรกันมาบ้าง

อาร์เจนติน่า

ในรอบแบ่งกลุ่ม พวกเขาก็เหนื่อยซะแล้ว แม้จะจับมาอยู่ในกลุ่ม C ร่วมกับ เม็กซิโก โปแลนด์ และ ซาอุดิอาระเบีย โดยในนัดแรก พวกเขาพ่ายต่อ ซาอุดิอาระเบีย แบบช็อคโลก 1-2 ทำให้พวกเขา เจอกับสถานการณ์หลังชนฝา

ก่อนที่เกมต่อมา พวกเขาจะสามารถเอาชนะ เม็กซิโก 2-0 จากประตูของ ลิโอเนล เมสซี่ และ เอ็นโซ่ เฟอร์นันเดซ ทำให้เกมสุดท้าย พวกเขายังมีโอกาสเข้ารอบ แต่ต้องคว้าสามคะแนน

ซึ่งในเกมสุดท้าย ของรอบแบ่งกลุ่ม พวกเขาต้องเจอกับ โปแลนด์ ซึ่งเกมนี้พวกเขาต้องมีคะแนน แล้วพวกเขาก็สามารถ เอาชนะไปได้ 2-0 จากสองประตูในครึ่งหลังของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ

เริ่มรอบน็อคเอ้าท์ ด้วยการเจอกับ ออสเตรเลีย ซึ่งทัพ ฟ้าขาว ก็ทำได้ดีกว่า ออกนำไปก่อนสองประตู ก่อนจะมาเสียประตูในช่วงท้ายเกม เลยได้เสียวเล็กน้อย แต่ก็สามารถผ่านเข้ารอบไปด้วยสกอร์ 2-1

รอบก่อนรองชนะเลิศ พวกเขาหวุดหวิดสุดๆ เมื่อต้องเจอกับ เนเธอร์แลนด์ แม้พวกเขาเอง จะออกนำไปก่อน 2-0 แต่ดันมาโดนทาง อัศวินสีส้ม ตามตีเสมอได้ในช่วงท้ายเกม 2-2

ก่อนที่ช่วงต่อเวลา ทั้งสองทีมจะทำอะไรกันไม่ได้ ต้องยิงจุดโทษตัดสิน และเป็นพวกเขาเอง ที่ยิงแม่นกว่า โดยเอาชนะไปได้ 4-3 โดยได้ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ยิงปิดกล่องให้ทีม ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ

ซึ่งในรอบรองชนะเลิศ พวกเขาต้องตัดเชือกกับ โครเอเชีย รองแชมป์เก่า ซึ่งสภาพทีมของ ตราหมากรุก ค่อนข้างโทรม หลังต้องเล่น 120 นาที มาสองนัดติดต่อกัน ทำให้เกมนี้ อาเจน เอาชนะไปได้แบบไม่ยาก 3-0 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ

ฝรั่งเศส

เริ่มจากรอบแบ่งกลุ่ม พวกเขาอยู่ร่วมกลุ่มกับ เดนมาร์ก ตูนิเซีย และ ออสเตรเลีย ซึ่งดูแล้ว พวกเขาค่อนข้างเหนือกว่า ทีมอื่นๆ อยู่พอสมควร แลพวกเขาก็สามารถ ผ่านเข้ารอบ ในฐานะแชมป์กลุ่มได้สำเร็จ

เริ่มจากนัดแรก พวกเขาปูพรมถล่ม ออสเตรเลีย 4-1 แม้จะโดน จิ้งโจ้ ออกนำไปก่อนตั้งแต่ต้นเกม แต่ก็มาได้ อาเดรียง ราบิโอต์ โอลิเวอร์ ชิรูด์ และ คีเลียน เอ็มบัปเป้ ยิงแซงคว้าสามแต้มไปแบบชิลๆ

นัดต่อมา พวกเขาต้องเจอกับของแข็งอย่าง เดนมาร์ก ซึ่งเกมนี้พวกเขาเหนื่อยพอสมควร กว่าจะเก็บชัยมาได้ 2-1 โดยเกมนี้ได้ เอ็มบัปเป้ เหมาสองประตู พาทีมเก็บสามแต้มสำคัญ ที่ทำให้พวกเขา การันตีการผ่านรอบแบ่งกลุ่ม

โดยในนัดสุดท้าย ของรอบแบ่งกลุ่ม พวกเขาส่งสำรองลงยกทีม ทำให้สุดท้ายแล้ว พวกเขาพ่ายต่อ ตูนิเซีย 0-1 แต่ก็ยังเพียงพอ ที่จะเข้ารอบ ในฐานะแชมป์กลุ่มอยู่ดีฃ

ส่วนในรอบน็อคเอ้าท์ เริ่มจากรอบ 16 ทีมสุดท้าย ถูกจับมาเจอกับ โปแลนด์ รองแชมป์จากกลุ่ม C ซึ่งต้องบอกว่าทาง ตราไก่ เหนือกว่าพอสมควร กลับมาส่งชุดใหญ่ลงเล่น แล้วเอาชนะไปได้ 3-1 แบบไม่ยากเย็น

รอบก่อนรองชนะเลิศ ต้องมาเจอกับ อีกหนึ่งทีมเต็งแชมป์อย่าง อังกฤษ ซึ่งพวกเขาก็ตึงมือสุดๆ แม้จะได้ประตูออกนำก่อนจาก ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ในช่วงครึ่งแรก ก่อนที่จะโดน แฮร์รี่ เคน ยิงตีเสมอจากจุดโทษ ในช่วงต้นครึ่งหลัง

แต่ในช่วงท้ายเกม พวกเขาออกนำอีกครั้งจาก โอลิเวอร์ ชิรูด์ ก่อนที่จะมาเสียจุดโทษ เป็นหนที่สอง ในอีกไม่กี่นาทีถัดมา แต่ในครั้งนี้ แฮร์รี่ เคน ซัดข้ามคานออกไป ทำให้จบเกม พวกเขาเอาชนะ อังกฤษ 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ

โดยในรอบรองชนะเลิศ พวกเขาเจอกับ โมร็อกโก ซึ่งสะบักสะบอมสุดๆ หลังต้องเล่น 120 นาที มาสองเกมติดต่อกัน ทำให้เกมนี้ ตราไก่ ผ่านมาได้แบบไม่บอบช้ำ 2-0 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เป็นหนที่ 4 ในฟุตบอลโลก 7 ครั้งหลังสุด

แฟนบอลโปรไลเซนส์

By KICKOFF

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *