การทำธุรกิจของ บาเยิร์น มิวนิค

หากถามถึงทีม ที่ยอดเยี่ยมในยุคหลัง ในใจของหลายๆ คน คงไม่มองข้าม เสือใต้ ยอดทีมแห่งบุนเดสลีกา เยอรมัน เป็นแน่แท้ ซึ่งหนึ่งในปัจจัย ที่ทำให้พวกเขายอดเยี่ยมตลอดมา นั่นก็คือ การทำธุรกิจของ บาเยิร์น มิวนิค นั่นเอง

วันนี้เลยเป็นหัวข้อ ที่ เก่งหลังเกม จะพาเพื่อนๆ ไปดูกันว่า ทำไมการทำธุรกิจของ บาเยิร์น จึงทำให้พวกเขา กลายเป็นทีมที่ยอดเยี่ยม ของโลกฟุตบอลทีมนึงมาตลอด

การทำธุรกิจของ บาเยิร์น มิวนิค ทำให้พวกเขา เป็นทีมที่ยอดเยี่ยมตลอดมา

ปฏิเสธไม่ได้ว่า หัวใจหลักของทีมฟุตบอล คือการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเรื่องนอกสนาม หรือในสนามก็ตาม เพราะไม่ว่าใครก็ตาม ไม่สามารถเอาชนะเวลาได้ ดังนั้นอายุของนักฟุตบอล ที่เป็นหัวใจหลักของ สโมสรฟุตบอล จึงต้องมีการเปลี่ยนแปลง อยู่ตลอดเวลา

หากจะบอกว่า นักฟุตบอลมีมา ก็ต้องมีไป มีพบก็ต้องมีจาก เป็นเรื่องธรรมชาติ ทำให้การเดินหน้า เสริมทัพนักเตะ ในตลาดซื้อขายผู้เล่น จึงเป็นเรื่องที่ มีอยู่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับแต่ละทีม ว่าจะตาดีตาร้าย

แต่แฟนบอลหลายคน น่าจะเป็นพ้องต้องกัน ว่าทีมอย่าง บาเยิร์น มิวนิค แทบจะไม่เคยทำธุรกิจ ซื้อขายนักเตะ แบบเสียเปรียบทีมอื่นๆ เลย

ไม่ว่าจะชื่อเสียง เรื่องการดูดผู้เล่นในทีมคู่แข่ง ภายในลีกของตัวเอง ซึ่งก็มาจากทั้งประวัติศาสตร์ ชื่อเสียงที่ดึงดูด รวมไปถึงแนวนโยบาย ในการทำทีม ที่เน้นลดคุณภาพของคู่แข่ง แล้วเพิ่มคุณภาพให้ตัวเอง

ทำให้คู่แข่งในศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ไม่มีทีมใด ที่สามารถยืนระยะ ต่อกรกับพวกเขาได้นาน หรือจะเป็นการซื้อขายผู้เล่น กับทีมต่างแดน ในราคาที่ทำให้พวกเขาได้เปรียบ อยู่เสมอ

ยกตัวอย่าง ในตลาดซื้อขายที่ผ่านมา พวกเขาถูก โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กองหน้าตัวหลัก ในวัยเกือบ 34 ปี แจ้งขอย้ายทีม ในขณะที่เจ้าตัว เหลือสัญญากับทีมอีกเพียงปีเดียว

ในท้ายที่สุดแล้ว ทีมปลายทางอย่าง บาร์เซโลน่า ต้องเสียเงินไปถึง 45 ล้านยูโร หากรวมกับแอดออนส์ด้วย ตัวเลขก็จะทะลุไปที่ 50 ล้านยูโร ก่อนที่พวกเขาจะได้ตัวแทน อย่าง ซาดิโอ มาเน่ ในราคา 32 ล้านยูโรเท่านั้น

ไหนจะเป็นดีลที่ดึงตัว นูสซาร์ มาซราอุย มาจาก อาแจกซ์ ได้แบบฟรีๆ รวมไปถึง ไรอัน กราเวนเบิร์ช มิดฟิลด์อนาคตไกลของฮอลแลนด์ มาในราคาเพียง 18.5 ล้านยูโร

และกองหน้าดาวรุ่ง ที่ได้รับการจับตามอง ว่าอาจจะมีโอกาสไปถึงระดับ คีเลียน เอ็มบัปเป้ ที่ราคาหลายร้อยล้านอย่าง มาติส แตล ในวัย 17 ปี มาด้วยราคาเพียง 20 ล้านยูโร

จะมีแพงก็เพียงแต่ ดีลของ มัทไธส์ เดอ ลิกต์ กองหลังวัย 23 ปี ที่ผ่านเกมระดับทางการ มาแล้วเกือบ 300 นัด ด้วยราคา 67 ล้านยูโร แต่ราคาสมัยเจ้าตัว ย้ายมาอยู่กับ ยูเวนตุส ก็ปาไปถึง 75 ล้านยูโร เข้าไปแล้ว

ถือว่าเป็นดีลที่ สโมสรจำเป็นต้องลงทุน เนื่องจากปัญหาในแนวรับ ที่คาราคาซัง มาหลายต่อหลายปี แถมปีนี้ยังเสีย นิคลาส ซูเล่อ ไปแบบฟรีๆ เรียกว่าเป็นดีลที่ เสียไม่ได้ แต่ก็ทำได้ดีเกินคาด กับการแก้ปัญหา

รวมแล้วในตลาดหน้า เสือใต้ จ่ายเงินซื้อผู้เล่นไปราวๆ 137.5 ล้านยูโร แต่หากหักลบ กลบหนี้กับนักเตะ ที่พวกเขาปล่อยออกไป เป็นจำนวน 110.8 ล้านยูโรแล้ว พวกเขาใช้จ่ายไปเพียง 26.7 ล้านยูโร

ซึ่งส่วนใหญ่นักเตะ ที่พวกเขาปล่อยออกไป เป็นเพียงตัวสำรอง ที่ไม่สามารถพิสูจน์ตัวเอง รวมไปถึงเหล่าดาวรุ่ง ที่พวกเขาไม่คิดจะใช้งาน แต่กับเพิ่มความแข็งแกร่ง ให้กับทีมได้

ยกเว้นแต่ในตำแหน่ง กองหน้าตัวเป้าเท่านั้น ที่ต้องยอมรับตามตรง ว่าพวกเขายังไม่สามารถ หาใครมาทดแทนคุณภาพ ของทาง เลวาน ได้ดีเพียงพอ

แต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว สำหรับช่วงเวลาในการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งแค่ดูจากตลาดรอบนี้ ก็ไม่แปลกใจแล้ว ว่าทำไมพวกเขา ถึงเป็นทีมที่ยอดเยี่ยมที่สุดทีมนึง มาตลอดหลายสิบปีหลัง

แฟนบอลโปรไลเซนส์

By KICKOFF

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *