บอลยูโร วันที่สิบแปด

บอลยูโร วันที่สิบแปด กลับมาพบกับเพื่อนๆ แล้ว หลังจากเมื่อคืนมีเกม ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2020 รอบ 8 ทีมสุดท้าย ลงแข่งขันกันในสองคู่แรก ซึ่งทั้งสองเกมนั้น เป็นเกมระหว่าง สวิตเซอร์แลนด์ พบกับ สเปน และ เบลเยี่ยม พบกับ อิตาลี ทำให้เราได้เห็นแล้วว่า สองทีมแรกที่ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศนั้นเป็นใคร

วันนี้ พวกเราทีมงาน Kickoff88 จะมาชวนเพื่อนๆ คุยกันเกี่ยวกับ ฟุตบอลทั้งสองคู่ที่ลงแข่งกันไปเมื่อคืน และเราจะมา วิเคราะห์บอล ในแบบฉบับ เก่งหลังเกม ตามสไตล์ของพวกเราเองครับ

วิเคราะห์ฟุตบอล บอลยูโร วันที่สิบแปด รอบ 8 ทีมสุดท้าย

ฟุตบอลยูโร รอบ 8 ทีมสุดท้าย คู่ที่หนึ่ง สวิตเซอร์แลนด์ พบ สเปน

ตามเนื้อผ้าแล้ว คู่นี้ทาง สเปน อาจจะดูเป็นต่ออยู่ แต่ประมาททาง สวิตเซอร์แลนด์ ไม่ได้เลย เพราะพวกเค้ามีฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม แถมรอบล่าสุดผ่านเต็งหนึ่งอย่าง ฝรั่งเศส มาได้ด้วยการดวลจุดโทษ น่าเสียดายที่เกมนี้ กรานิต ชาก้า ติดโทษแบนลงไม่ได้

เริ่มเกมมาไม่นาน กระทิงดุ ออกนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว จากลูกเตะมุม โดยเป็นทาง จอร์ดี้ อัลบา ที่ได้ยิงในจังหวะเก็บตก บอลไปแฉลบ เดนิส ซากาเรีย ที่เกมนี้ได้ออกสตาร์ทตัวจริงแทน ชาก้า บอลเปลี่ยนทาง ทำเอาผู้รักษาประตูของ สวิตเซอร์แลนด์ อย่าง ซอมเมอร์ เสียจังหวะจนเซฟไม่ทัน

เรียกได้ว่างานเข้าอย่างรวดเร็ว สำหรับ สวิตเซอร์แลนด์ หนำซ้ำในอีกไม่กี่นาทีต่อมา บรีล เอ็มโบโล่ กองหน้าตัวหลักดันมาเจ็บ จนต้องถูกเปลี่ยนตัวออก ทำเอาพวกเค้ายิ่งตกเป็นรองทาง สเปน เข้าไปอีก ดีที่หลังจากนั้น พวกเค้ายังพอตอบโต้ได้บ้าง ก่อนจะจบครึ่งแรก ด้วยการมีประตูเดียว

ครึ่งหลังก็ยังเป็นทาง กระทิงดุ ที่เป็นฝ่ายวิ่งไล่ขวิดคู่แข่งอยู่เหมือนเดิม แต่ต้องชมเป็นพิเศษคือ ซอมเมอร์ ช่วยเซฟประตูเอาไว้ได้หลายจังหวะ ถ้าหาก สเปน ได้ประตูหนีห่างออกไปเป็นสองประตู ดูแล้วจะยากที่ สวิส จะกลับมาเหมือนกับในเกมก่อนครับ

จุดสังเกตุอีกอย่างนึงในเกมนี้ คือ สเปน นั้นใช้คู่กองหลังอย่าง เปา ตอร์เรส ยืนคู่กับ อายเมริค ลาปอร์ต ซึ่งทั้งสองคนแสดงให้เห็นแล้วว่าเล่นด้วยกันไม่ได้ มักจะมีจังหวะผิดพลาด หรือแจกโชคให้คู่แข่งอยู่เสมอ ซึ่งนัดนี้ก็เช่นกันครับ ในช่วงครึ่งทางของครึ่งหลัง

พวกเค้าดันวิ่งไปทับลไน์กันเองจากจังหวะที่ สวิตเซอร์แลนด์ พยายามโต้กลับ แล้ว ลาปอร์ต ที่ดักบอลได้ ดันมี เปา ตอร์เรส วิ่งตามมาชนกับบอล จนไปเข้าทางผู้เล่นของ สวิตเซอร์แลนด์ และสุดท้ายเป็น เซอร์ดาน ชากิรี่ แปตามน้ำด้วยขวาเข้าไป ทำให้เกมตอนนี้กลับมาเสมอกันที่ 1-1

ในขณะที่ทุกอย่างกำลังดีขึ้นมา หลังจากนั้นไม่นาน สวิตเซอร์แลนด์ ดันไปเหลือ 10 คน จากจังหวะสไลด์บอลของ เรโม่ ฟรอยเลอร์ แล้วฟอลโล่วทรู ไปเปิดปุ่มสูงใส่ เคราร์ด โมเรโน่ ทำให้ ไมเคิล โอลิเวอร์ ชักใบแดงจากกระเป๋ากางเกงไล่ออกทันที กลายเป็นหลังจากนั้น สเปน ได้ครองบอลเข้าใส่อยู่ฝ่ายเดียว แต่ สวิส ยังต้านไว้ได้ใน 90 นาทีทำให้ต้องมีการต่อเวลาพิเศษ

ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ก็ยังเป็นฝั่ง สเปน ที่มีโอกาสลุ้นประตูมากมาย แต่เหลือจะเชื่อว่าทาง ยานน์ ซอมเมอร์ เซฟไว้ได้ทั้งหมด เรียกได้ว่า มือแทบบวมกันเลยทีเดียว ซึ่งก็เพราะตัวผู้เล่นน้อยกว่า บวกับตัวสำรองที่ลงมาก็ไม่มีใครดีพอที่จะมาเปลี่ยนเกมได้ ต่างจาก สเปน ที่สำรองถือว่ามีตัวชั้นอ๋องมากมาย

ซึ่งการจบ 120 นาทีแบบที่ไม่โดนยิงเพิ่ม ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับนึงแล้ว ด้วยการดวลจุดโทษนั้นวัดกันที่ใจของผู้เล่นล้วนๆ โดยผลที่ออกมานั้น เป็นทาง สเปน ยิ่งแม่นกว่าเอาชนะไป 3-1 แม้สองลูกแรก พวกเค้าจะยิงไม่เข้าเลยก็ตาม

พระเอกในตอนท้ายไม่ใช่ใคร นอกจาก อูไน ซิม่อน ที่หลายคนคงจะได้ทราบคำตอบ ว่าทำไมเจ้าตัวถึงได้เป็นมือหนึ่งของรายการ ก่อนหน้า ดาบิด เด เคอา เพราะปกติมือกาวจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แทบจะเซฟลูกจุดโทษไม่ได้เลย จึงอาจจะไม่เหมาะกับรายการทัวร์นาเม้นต์ แบบนี้

ฟุตบอลยูโร รอบ 8 ทีมสุดท้าย คู่ที่สอง เบลเยี่ยม พบ อิตาลี

ส่วนอีกคู่ ซึ่งถือว่าเป็นเกมไฮไลท์ประจำวัน เป็นการพบกันของสองพี่เบิ้มของยุโรป ทาง เบลเยี่ยม แม้จะมีอันดับฟีฟ่าเป็นเบอร์ 1 ของโลก แต่ก็ไม่เคยเข้าชิงรายการใหญ่ๆ อย่าง ฟุตบอลโลก หรือ ยูโร ได้เลย ด้าน อิตาลี ยุคใหม่ค่อนข้างไฉไล ทีมชุดนี้มีโอกาสพัฒนาต่ออีกเยอะ ภายใต้การทำทีมของ โรแบร์โต้ มันชินี่

โดย เบลเยี่ยม นั้นตัดสินใจใช้สามกองหลังชุดเดิม บวกกับได้ เควิน เดอ บรอยน์ หายทัน แต่จะไม่มี เอแด็น อาซาร์ ที่ไม่มีแม้ชื่อบนม้านั่งสำรอง ส่วน อิตาลี ปรับมาใช้คู่กองหลังจาก ยูเวนตุส อย่าง โบนุชชี่ และ คิเอลลินี่ บวกกับ คิเอซ่า ฮีโร่จากเกมก่อนได้ลงตัวจริง

ช่วงต้นเกมเป็นฝั่ง เบลเยี่ยม ทำได้ดีกว่า แม้จะโดน อิตาลี ยิงเข้าไปก่อน แต่ VAR ยังช่วยพวกเค้าไว้ไม่ให้โดนขึ้นน้ำ เรียกได้ว่าการกลับมาช่วยทีมทันเวลาของ เดอ บรอยน์ ช่วยพวกเค้าไว้ได้มากครับ แต่คนที่ช่วย อิตาลี ไว้ยิ่งกว่า คือ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า แข้งไร้สังกัดที่ตัดสินใจย้ายออกจาก เอซี มิลาน หลังสัญญาเพิ่งหมดลง

พอช่วงครึ่งหลังของครึ่งแรก กลับกลายเป็นทาง อิตาลี ที่กลับมาเป็นฝ่ายบุกได้บ้าง และใช้เวลาไม่นานในการออกนำไปก่อน จากจังหวะที่ เบลเยี่ยม เคลียไม่ดี สุดท้ายเป็นทาง นิโคโล่ บาเรลล่า โชว์สกิลลากเลื้อยในเขตโทษ เข้าไปยิงให้ อิตาลีออกนำไปก่อน

และในท้ายครึ่งแรก อิตาลี มาหนีห่างเป็น 2-0 จากจังหวะโต้กลับ แล้ว ลอเรนโซ่ อินซินเย่ โชว์สกิลโซโล่แล้วตัดเข้ากลาง ปั่นด้วยขวาโค้งๆ เข้าประตูไปอย่างสวยงาม แต่ก็ต้องโทษแนวรับ เบลเยี่ยม ที่เอาแต่ถอยๆๆ จนเจ้าตัวได้โอกาสยิงแบบไม่มีใครมากดกันเลยแม้แต่น้อย

ก่อนที่กำลังจะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้ เบลเยี่ยม มาได้จุดโทษจากการทำเกมของ เณเรมี่ โดกู ที่เกมนี้ได้ออกสตาร์ทตัวจริงแทน อาซาร์ ผู้พี่ แล้วโชว์ฟอร์มได้ค่อนข้างดี ส่วนผู้ที่รับหน้าที่สังหารเป็น โรเมลู ลูกากู ยิงเข้าไปกลางประตู ให้ เบลเยี่ยม ไล่มา 1-2 ในครึ่งแรก

ในช่วงต้นครึ่งหลัง เป็นทาง อิตาลี ที่ยังทำได้ดีกว่า ส่วน เบลเยี่ยม ได้ตอบโต้บ้างจาก โดกู คนเดิมที่วันนี้จี๊ดจ๊าดจนแฟนบอลอาจจะลืม อาซาร์ ไปแล้ว เจ้าตัวค่อนข้างทำได้ดีในจังหวะสร้างสรรค์เกม แต่ต้องก็ชมแนวรับของ อิตาลี ทั้งกองหลังและผู้รักษาประตูที่ช่วยกันป้องกันลูกยิงของฝั่ง เบลเยี่ยม ไว้ได้ทั้งหมด

ซึ่งต้องบอกว่าช่วงครึ่งหลัง ทั้งคู่สู้กันได้อย่างยอดเยี่ยม เบลเยี่ยม เองก็ถือว่าทำได้ดีแล้วแต่คมไม่พอ ส่วน อิตาลี ดีวันดีคืนจริงๆ หากไม่นับเกมที่แล้ว ที่เบียดกับ ออสเตรีย แบบใจหายใจคว่ำ พวกเค้ามีฟอร์มการเล่นที่น่ากลัว ทั้งต่อบอล การแก้เพลสซิ่ง ทำได้ดีเกินคาด จนลบภาพ อิตาลี ที่นำแล้วอุดไปโดนสิ้นเชิง

สุดท้ายผู้ชนะในเกมนี้ ตกเป็นของทางฝั่ง อิตาลี ด้วยสกอร์เดียวกับในครึ่งแรก กลายเป็นพวกเขาเข้าไปเจอกับ สเปน ในรอบรอง ส่วน เบลเยี่ยม ในยุคทองก็ยังไม่เคยเข้าสู่รอบชิงรายการใหญ่ไปอีกรายการ ซึ่งจะมีคำถามในฟุตบอลโลกในอีกกว่าข้างหน้า ว่าพวกเค้าจะมีกองหลังหน้าใหม่ ขึ้นมาผลัดใบแทนสามผู้เฒ่าชุดเดิมรึเปล่า

แฟนบอลโปรไลเซนส์

By KICKOFF

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *