เรียกว่า เริ่มต้นใหม่อย่างเป็นทางการไปแล้ว สำหรับ บาร์เซโลน่า ยุคใหม่ ที่ไม่มีแข้งอันดับหนึ่งของโลก อย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ลงแบกทีม อย่างที่แฟนบอลในยุคหลังคุ้นชินตา กันเป็นประจำ โดยพวกเค้า ลงเล่นเกมอย่างเป็นทางการไปแล้ว ถึงสองนัด
วันนี้ Kickoff88 จะพาไปดูกันว่า ทั้งสองเกมที่ บาซ่า ไม่มี เมสซี่ พวกเค้าเป็นอย่างไรกันบ้าง และจากผลงานที่ผ่านมา พวกเค้าจะต้องคิดถึง คิงเลโอ รึเปล่า ลองไปวิเคราะห์พร้อมๆ กันครับ
บาร์เซโลน่า ยุคใหม่ ที่ไม่มี ลิโอเนล เมสซี่ เป็นอย่างไร หลังแข่งไปสองนัด
ขออนุญาตไม่นับรวม รายการ โจอัน กัมเปร์ ที่พวกเค้าเอาชนะ ยูเวนตุส ไปได้ 3-0 เพราะเป็นเพียงเกมกระชับมิตร ที่จะจัดแข่งทุกปี อันเป็นธรรมเนียมของสโมสร
โดยสองเกมที่พวกเค้า ลงเล่นกันอย่างเป็นทางการ เป็นเกมลีกลาลีกา สเปน ทั้งสองนัดเลย โดยนัดแรกนั้น เปิดบ้านเอาชนะ เรอัล โซเซียดาด 4-2 ต่อด้วยเกมล่าสุด ที่บุกไปเสมอกับ แอธเลติก บิลเบา 1-1
ทำให้เก็บไปได้เพียง 4 คะแนนจากสองนัด ซึ่งจะบอกว่าเป็นผลงานที่ใช้ได้ ก็ไม่ผิดนัก แต่หากเทียบจากความคาดหวัง ของทีมระดับนี้ อย่างไรก็มองว่า ยังไม่ดีพอครับ
สำหรับสามประสานในแนวรุกของทีม ใช้ เมมฟิส เดปาย แข้งตัวใหม่ ยืนเป็นหน้าเป้า โดยมี อองตวน กรีซมันน์ อยู่ทางขวา ส่วนทางซ้ายเป็น มาร์ติน เบรธเวต ซึ่งเป็นเซ็ตนี้ทั้งสองเกมเลย
แม้ทั้งสองเกม จะทำรวมกันได้ถึง 5 ประตู แต่เชื่อว่าแฟนๆ น่าจะคิดถึงช่วงที่ทีมมี เมสซี่ เป็นแกนหลัก เพราะเจ้าตัวทำได้เฉียบกว่า ทั้งการเอาชนะในการดวลหนึ่งต่อหนึ่ง รวมถึงจังหวะ แอสซิสต์ และทำประตู
อย่างนัดแรก ก็ดูจะมีปัญหาในการเจาะตรงกลาง ที่สมัยมี เมสซี่ เจ้าตัวคนเดียวก็สามารถเรียกตัวประกบ อันเป็นการช่วยให้เพื่อนร่วมทีมว่างมากขึ้น
อีกอย่าง ก็เพราะบอลของทาง โซเซียดาด เป็นบอลบุกสู้ฟัดอยู่แล้ว การที่พวกเค้าจะช่องให้เล่น มีพื้นที่ให้โจมตี หลายครั้งหลายหน ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ยิ่งตัวเองก็ได้เล่นในบ้านด้วย
แต่เกมต่อมา แผลของพวกเค้าเปิดชัดเจน การมาเจอกับ บิลเบา ที่หลังเปลี่ยนโค้ชในช่วงต้นปี กลายเป็นทีมที่เสียประตูยากสุดๆ ซึ่งในเกมล่าสุด ทางบาซ่าก็เจอปัญหาเช่นกันครับ
โดยทั้งเกม แม้ทาง บาร์เซโลน่า จะครองเกมได้เยอะ ตามสไตล์ฟุตบอลของพวกเค้า แต่การหาโอกาสจบนั้น ก็ทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ กลับกลายเป็นทาง บิลเบา ด้วยซ้ำ ที่มีโอกาสส่องได้ลุ้นเยอะกว่า
แล้วก็เป็นพวกเค้าที่ขึ้นนำไปก่อน จากลูกเตะมุมในช่วงต้นครึ่งหลัง ซึ่งโดยรวมพวกเค้าก็เล่นได้ดีเลย และน่าจะเป็นฝ่ายชนะอีกด้วย หากไม่ไปพลาดกันเอง จากจังหวะเสียบอลกลางสนาม
ซึ่งเราก็เห็นได้ว่า พวกเค้าเองก็ถึงจุดหลังผิงฝาพอสมควร ดูจากการที่ยังต้องส่ง เปดรี้ ในวัย 18 ปีลงเล่นแบบตะบี้ตะบัน หลังจากเจ้าตัวเป็นตัวหลักทั้งฤดูกาลก่อน ต่อด้วยไปเล่นยูโร 2020 และ โอลิมปิกเกมส์ 2020 ซึ่งในหลายๆ นัดต้องต่อเวลาพิเศษ 120 นาที
ส่วนสองตัวใหม่ ที่มีส่วนร่วมกับเกมในสองนัดแรกอย่าง เดปาย และ การ์เซีย โดยรายแรกถือว่าเล่นดีเลย มีทั้งแอสซิสต์ และประตูในสองนัดแรก แต่ในรายของ การ์เซีย ถือว่าหนักหน่วงอยู่ ยังสู้คนเก่าๆ ไม่ได้แม้แต่น้อย
แต่สิ่งสำคัญอีกอย่าง ที่มองข้ามไม่ได้ คือแฟนบอลของพวกเค้า มาดูกันแบบบางตา เกมนัดเปิดสนาม ขายตั๋วไปได้เพียงครึ่งเดียวของความจุ หากใครได้ดูจะรู้สึกเหมือนกันเลยว่า สนามคัมป์ นู ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
ไม่ว่าจะโมโหสโมสร หรือเพราะการขาดหายไป ของนักเตะระดับแม่เหล็ก ก็ทำให้พวกเค้า ได้รับผลกระทบโดยตรง แบบเลี่ยงไม่ได้ และยังไม่รู้ว่าจะหาหนทางใด ที่จะมาแก้ไขได้เลยครับ
เพราะทีมอย่าง บาร์เซโลน่า เป็นทีมที่มีรายได้หลักส่วนนึงมาจากแฟนบอลเลย การขาดหายไปของแฟนบอล ย่อมส่งผลต่อรายได้ที่จะเข้าสู่สโมสร ดูอย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เสื้อที่มีชื่อ เมสซี่ อยู่ด้านหลัง มีกี่ตัวก็ขายหมด
ไหนจะสปอนเซอร์ ที่ไม่มีทางต่อสัญญา ด้วยตัวเลขเท่าเดิมแน่ๆ แค่นี้ก็ปวดหัวแทน บาร์เซโลน่า แล้ว ว่าจะหาทางอุดรอยรั่ว จากการเสียนักเตะที่ยิ่งใหญ่ระดับนี้ไปได้ยังไง ทั้งในสนามและนอกสนาม เพราะยุคใหม่ของทาง บาซ่า นั้นดูแล้วช่างมืดมนจริงๆ
แฟนบอลโปรไลเซนส์