หากพูดถึง ฟุตบอลคู่เดือด ของวงการฟุตบอลอังกฤษ ในสมัยก่อน อาจจะนึกถึงการพบกันของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ อาร์เซน่อล ที่เจอกันทีไร มีเรื่องตามมาทุกที แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนแล้ว เพราะยุคนี้ต้องบอกว่า ต้องเป็นการเจอกันระหว่าง ลิเวอร์พูล พบ แมนซิตี้ เท่านั้น
วันนี้ เก่งหลังเกม จะมาวิเคราะห์กันให้ฟัง ว่าทำไมในปัจจุบัน เกมระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึงเป็นเกมพรีเมียร์ลีก ที่แฟนบอลทั่วโลก ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
ลิเวอร์พูล พบ แมนซิตี้ ทำไมถึงได้เป็นเกมที่สุดยอดที่สุด ของพรีเมียร์ลีก ในปัจจุบัน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในปัจจุบัน เป็นยุคของสองทีมดังกล่าว อย่างแท้จริง ดูจากรายการแชมป์ใน 4 ฤดูกาลหลัง ก็มีเพียงสองทีมดังกล่าว ที่ขับเคี่ยวกันมาตลอด
ซึ่งฤดูกาลสุดเดือด คงหนีไม่พ้นปี 2018-2019 ที่ทาง แมนซิตี้ ได้แชมป์โดยกวาดไป 98 คะแนน ส่วนรองแชมป์อย่าง ลิเวอร์พูล นั้นเก็บไปได้ 97 คะแนน
จุดเด่นของทั้งสองทีม มาจากรูปแบบการเล่น ที่มีสไตล์เพลสซิ่งอย่างดุเดือด แทบจะไม่เป็นรองใครในด้านการครองเกม เช่นเดียวกับการทำประตู ทั้งสองทีมนั้น เป็นทีมที่ทำประตูได้มากสุดๆ ในช่วงหลายปีหลัง
จะมียกเว้นแต่ฤดูกาล ที่ทั้งสองทีมขาดตัวหลักมามาย ไม่งั้นแชมป์แต่ละปี ต้องมีคะแนนแตะระดับ 90+ ถือเป็นมาตรฐานใหม่ ของทีมที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ในระยะหลัง
ปัจจัยสำคัญที่สุด คงมาจากกุนซือของทั้งสองทีม อย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ เจอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่งอาจจะพูดได้เต็มปาก ว่าทั้งคู่เป็นกุนซือระดับท็อปสุดของโลกในปัจจุบัน แม้ทั้งสองทีมจะมีความต่างเรื่องกำลังเงิน แบบเห็นความต่างพอสมควร
โดยบอลของ เป๊ป แน่นอนว่าต้องการวัตถุดิบที่ดีที่สุด ดังนั้น เราจะได้เห็น เรือใบสีฟ้า ทุ่มเงินมหาศาล คว้าผู้เล่นมาเสริมเติมแต่งอยู่เรื่อยๆ แม้ในทีมจะมีผู้เล่นฝีเท้าดีมากมายอยู่แล้ว จนทุกปี สามารถจัดทีมดีๆ ได้สองทีมเลยทีเดียว
ส่วนของ JK แน่นอนว่า ก็ต้องใช้เงินเสริมทัพเช่นกัน แต่เงินส่วนใหญ่นั้นมาจากการ เล่นแร่แปรธาตุ จนทำให้ Net Worth ของจำนวนเงินที่ใช้ไป บางทีแทบจะเป็นบวกด้วยซ้ำ
ด้วยกุนซือแว่น เดอะ นอร์มอลวัน นั้นเชื่อว่าการฝึกฝน ทำให้คนเราเก่งขึ้นได้ หากไม่จำเป็นต้องซื้อจริงๆ เจ้าตัวก็จะใช้ผู้เล่นเดิมๆ แต่จะพยายามรีดความสามารถของนักเตะออกมา ให้ได้มากที่สุด
จนทำให้ทั้งสองทีม แม้จะมีที่มาต่างกัน แต่ทั้งคู่ก็พาทีมของตน ขึ้นมาอยู่ในจุดเดียวกันได้สำเร็จ ไม่ใช่แค่ในประเทศอังกฤษเท่านั้น เทียบกับทีมอื่นๆ ในยุโรป ก็ต้องบอกว่า ทั้งสองทีมนี้ กลายเป็นเบอร์ต้นๆ ของทวีปไปแล้ว
ทำให้การเจอกันของทั้งคู่ กลายเป็นเกมที่น่าสนใจ เพราะทั้งสองทีมขึ้นชื่อลือชา เรื่องขึงใส่คู่แข่งจนโงหัวไม่ขึ้น เวลาเจอกันเอง เลยเหมือนว่า ทั้งคู่เป็นบอลสไตล์ใกล้เคียงกัน แม้ดีเทลการเล่นจะต่างกันมากมายก็ตาม
ซึ่งรายละเอียดในเกม ที่ทั้งคู่เจอกัน หากว่าใครได้ชม คงจะอดชื่นชมไม่ได้ ยิ่งเป็นแฟนบอลทีมอื่น ยิ่งอิจฉาครับ เพราะในใจลึกๆ แล้วปรารถนา ให้ทีมตัวเองเล่นได้แบบนี้
ทั้งรับทั้งรุก เล่นกันได้อย่างลงตัว การเข้าทำดูมีชั้นเชิง การตั้งรับดูมีแบบแผน ไม่ได้อาศัยความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะ ไปมั่วเอาเองหน้างาน
โดยทีมที่อึดอัดที่สุด เห็นทีจะหนีไม่พ้น แฟนบอลปีศาจแดง เนื่องจากทั้งคู่เป็นอริของ อดีตยอดทีมจากเกาะอังกฤษ ที่ปัจจุบันห่างหายจากความสำเร็จไปนาน แถมทรงบอลไม่มี ห่างไกลจากอริทั้งสอง แบบไกลเกินเอื้อม
ในส่วนของผู้เล่นเอง หากจัดทีมยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีก ก็จะมีนักเตะของสองทีมดังกล่าว รวมกันเกือบทุกตำแหน่งอยู่แล้ว แม้นักเตะส่วนใหญ่ของทาง เรือใบ จะไม่ค่อยได้รับเครดิต เนื่องจากคนจะโฟกัสกับ ปรัชญาฟุตบอล ของ เป๊ป เสียมากกว่า
อีกปัจจัยสำคัญ คืออดีตสองทีมที่เป็นคู่แข่งกันในอดีต อย่าง แมนยู และ อาร์เซน่อล นั้นมาตรฐานดรอปลงไปชัดเจน รายหลังแทบจะกลายเป็นทีมกลางตารางอยู่แล้ว ส่วนทาง ปีศาจแดง ยังดีที่พื้นฐานของทีมค่อนข้างแน่น มีเงินทุ่มซื้อนักเตะดีๆ มาแก้ขัดได้เสมอ
ส่วนทาง เชลซี ที่ดรอปลงไป ดูแล้วกลับมาได้เร็วกว่าเพื่อน เนื่องจากตัวกุนซือ สามารถสร้างอิมแพคให้กับทีม จนสามารถคว้าถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยส์ลีก มาได้แบบเซอไพรส์พอสมควร
แต่ด้วยความต่อเนื่องของทีมนั้นสู้สองทีม อย่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ได้ แม้จะได้แชมป์อยู่บ่อยๆ แต่ก็มีการเปลี่ยนโค้ช อยู่บ่อยๆ เช่นเดียวกัน
และถ้าหากจะพูดว่า หาก เป๊ป และ คล็อปป์ ยังอยู่ พรีเมียร์ลีก คงจะยังเป็นยุคของ เรือใบ และ หงส์แดง ต่อไปอีกซักพัก ก็คงไม่ผิด เพราะหนึ่งสิ่งที่แม้ทีมอื่นจะมีเงินล้นฟ้า แต่ก็ไม่สามารถครอบครองได้ คือยอดกุนซือของยุค อย่างสองคนนี้นั่นเอง
แฟนบอลโปรไลเซนส์