รู้ผลกันไปแล้ว สำหรับฟุตบอล ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ที่เพิ่งจบไปไม่นาน วันนี้พวกเราจะมา สรุปผล ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2021 ที่ปกติแล้ว ทีมจากโซนยุโรป แทบจะจองแชมป์กันทุกปี ว่าปีนี้มีอะไร ที่ต่างออกไป หรือไม่
โดย เก่งหลังเกม จะมาสรุปผล ในแต่ละอันดับ ให้เพื่อนๆ ได้ฟังกัน พร้อมกับ บทวิเคราะห์ฟุตบอล ในสไตล์ของพวกเรา ส่งท้ายฟุตบอล รายการระดับสโมสร ที่รวมแชมป์สโมสร ในแต่ละทวีป มาชิงชัยกัน
สรุปผล ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2021 ที่ทีมยุโรปเป็นเจ้าประจำ
7. เอแอส ปิแร (ตาฮิติ)
จอดตั้งแต่รอบแรกเลย หลังพวกเขากับ อัล จาซิล่า ต้องเจอกันในรอบแรก และเป็นพวกเขา ที่แพ้ไปด้วยสกอร์ 1-4 ทำให้พวกเขา จบด้วยอันดับ 7 ของรายการ แต่ก็ถือว่าตามคาด เพราะคุณภาพ เป็นรองทีมอื่นๆ อยู่พอสมควร
6. อัล จาซิล่า (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)
ผ่านรอบแรกมาได้ ด้วยการเอาชนะ เอแอส ปิแร ทีมสมันน้อยของรายการ แต่พอรอบที่สอง ต้องไปเจอกับ อัล ฮิลาล ของแข็งจากเอเชียด้วยกัน ซึ่งเกมนี้พวกเขาสู้ทีมจาก ซาอุดิอาระเบีย ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แพ้ไปด้วยสกอร์ 1-6
ก่อนที่นัดชิงที่ 5 พวกเขาจะแพ้ต่อ มอนเทอร์เรย์ 1-3 ทำให้จบในอันดับที่ 6 ของรายการ ก็ถือว่าตามเนื้อผ้า เพราะพวกเขา ได้มาเล่นในฐานะ แชมป์ลีกของประเทศเจ้าภาพ ไม่ได้เป็นตัวแทน แชมป์ทวีปเหมือนทีมอื่นๆ
5. มอนเทอร์เรย์ (เม็กซิโก)
แชมป์จากโซนคอนคาเคฟ จอดตั้งแต่รอบสอง ซึ่งเป็นนัดแรก ที่พวกเขาแข่งขัน โดยไปแพ้ให้กับ อัล อาห์ลี ทีมแกร่งจาก อียิปต์ ซึ่งเป็นแชมป์โซนแอฟริกา มาถึงสองปีติด 0-1
ก่อนที่ในรอบชิงที่ห้า พวกเขาจะเอาชนะ อัล จาซิล่า ทีมแชมป์ลีกเจ้าภาพ แบบสบายๆ 3-1 ทำให้พวกเขา คว้าอันดับ 5 ของรายการไปครอง ถือว่าผลงานดรอปลง จากเมื่อปี 2019
4. อัล ฮิลาล (ซาอุดิอาระเบีย)
โคตรทีมจากเอเชีย ที่คว้าแชมป์เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ปีเว้นปี แถมปีที่เว้นไปก็เพราะถูกปรับแพ้ มาปีนี้ เริ่มจากรอบสอง ที่เอาชนะ อัล จาซิล่า แบบถล่มทลาย 6-1 ก่อนที่รอบรองชนะเลิศ จะแพ้ต่อ เชลซี แบบหวุดหวิด 0-1
ในรอบชิงที่สาม พวกเขาต้องเจอกับ อัล อาห์ลี ซึ่งแม้หลายคน จะเก็งว่าบอลน่าจะสูสี แต่พอแข่งเข้าจริงๆ ทาง อัล ฮิลาล แพ้ไปแบบหมดรูป 0-4 ทำให้คว้าเพียง อันดับ 4 ของรายการ เท่านั้น
3. อัล อาห์ลี (อียิปต์)
ทีมแกร่งจากแอฟริกา ที่ปีก่อนคว้าอันดับสาม ปีนี้ยังคงรักษาผลงานเดิม แม้จะขาดตัวหลักหลายคน ที่ไปเล่นให้ทีมชาติ ในรายการ แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ โดยพวกเขา เริ่มจากการลงเล่นในรอบสอง แล้วเฉือนเอาชนะ มอนเทอร์เรย์ 1-0
ก่อนที่ในรอบรอง จะแพ้ต่อคู่ปรับเก่าในปีก่อน อย่าง พัลไมรัส 0-2 ต้องไปชิงที่สามแทน แต่ก็สามารถถล่ม อัล ฮิลาล ทีมแกร่งจากโซนเอเชีย 4-0 คว้าอันดับสามของรายการ ไปครองได้แบบสวยๆ
2. พัลไมรัส (บราซิล)
โคตรทีมจากบราซิล ที่ปีก่อนเสียเชิง แพ้ในรอบรองชนะเลิศ แถมแพ้ในรอบชิงที่สาม มาปีนี้แก้มือได้สำเร็จ โดยในรอบรองชนะเลิศ พวกเขาผ่าน อัล ลาห์ลี ที่พวกเขาแพ้ในรอบชิงที่สามปีก่อน ด้วยสกอร์ 2-0
ก่อนที่ในรอบชิงชนะเลิศ จะแพ้ต่อ เชลซี แบบน่าเสียดาย 1-2 ทำให้พวกเขา คว้าตำแหน่งเพียงรองแชมป์ ไม่สามารถกู้ชื่อ ให้กับทีมจากอเมริกาใต้ได้ หลังจากแชมป์รายการนี้ ตกเป็นของโซนยุโรป ตั้งแต่ปี 2013 ยาวมาถึงปัจจุบัน
1. เชลซี (อังกฤษ)
ถือว่าตามคาด สำหรับทีมจากยุโรป ที่ครองความยิ่งใหญ่ ในรายการนี้มานาน โดยพวกเขา เคยเข้ามาเล่นรายการนี้ครั้งนึงแล้ว ในปี 2012 แต่ก็แพ้ต่อ โครินเธียนส์ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย ที่ทีมจากยุโรป ไม่ได้แชมป์รายการนี้
โดย สิงโตน้ำเงินคราม รอเล่นในรอบรองชนะเลิศ และสามารถเอาชนะ อัล ฮิลาล ไปได้แบบหวุดหวิด 1-0 ก่อนที่ในรอบชิงชนะเลิศ จะเอาชนะ พัลไมรัส ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1 จากจุดโทษของ ไค ฮาเวิร์ตซ์ ในช่วงนาทีที่ 117