เจอร์ราร์ด เข้าคุมทีม แอสตัน วิลล่า มีผลดียังไงกับอาชีพกุนซือของเจ้าตัว

ยังอยู่กันที่ควันหลง เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ เจอร์ราร์ด เข้าคุมทีม แอสตัน วิลล่า ด้วยวัยเพียง 41 ปี แถมยังเป็นเพียง สโมสรที่สอง ในอาชีพของเจ้าตัว แม้อาจจะดูเสี่ยงไปบ้าง แต่ก็เข้าทางคนชอบเสี่ยง และความท้าทายในอาชีพ อย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด อยู่แล้ว

วันนี้ เก่งหลังเกม เลยจะลองมาวิเคราะห์ ว่าการก้าวขึ้นมาคุมทีม ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ขึ้นชื่อว่าหินที่สุดในโลก อย่างรวดเร็วนั้น มีผลดียังไง กับอาชีพกุนซือของเจ้าตัว

เจอร์ราร์ด เข้าคุมทีม แอสตัน วิลล่า มีผลดียังไงกับอาชีพกุนซือของเจ้าตัว

ถือว่าเป็นการยกระดับ ในอาชีพการคุมทีมของ เจอร์ราร์ด อย่างแท้จริง หลังการคัมแบ็คสู่ พรีเมียร์ลีก ลีกที่เจ้าตัวเคยฝากลวดลายไว้ ในสมัยเป็นนักเตะ กับสโมสร ลิเวอร์พูล หนึ่งในสโมสรยักษ์ใหญ่ของประเทศ

ซึ่งการเข้านั่งเก้าอี้ กุนซือทีมวิลล่า นั่นเป็นเพียงสโมสรที่สอง ในการคุมทีมในระดับชุดใหญ่ของเจ้าตัว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เจ้าตัวคุมทีม เรนเจอร์ ในศึกสกอตติช พรีเมียร์ชิพ ที่เป็นสโมสรแรกในการเทิร์นโปร ในอาชีพกุนซือเป็นแบบเต็มตัว

เจอร์ราร์ด ในวัย 41 ปี เคยค้าแข้งอยู่กับ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่อายุ 18 ก่อนที่จะสร้างตำนานไว้มากมาย จนโบกมือลาสโมสร เมื่อปี 2015 ก่อนที่จะกลับเข้ารับตำแหน่ง กุนซือชุดเยาวชน ในปี 2017 หลังจากที่แขวนสตั๊ด กับทีม แอลเอ กาแล็กซี่ ในศึก เมเจอร์ลีก ซ็อกเกอร์

หากนับถึงปัจจุบัน ก็เป็นเวลาเพียง 4 ปีเท่านั้น โดยหลังจาก ดีน สมิธ ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ทาง สิงห์ผงาด ก็ได้ตั้ง เจอร์ราร์ด เข้ารับหน้าที่แทน หลังจากที่ สตีวี่จี โชว์ผลงานโบว์แดง ไว้ที่สโมสร เรนเจอร์

เอาเข้าจริงๆ ก็ถือว่าเร็วมาก จนหลายคนตั้งคำถามรอ ว่าถ้าหากเจอร์ราร์ด ทำผลงานได้ไม่ดี หลายฝ่ายจะทำตัวยังไง โดยรายที่โดนหนักที่สุด คงหนีไม่พ้น เจมี่ คาราเกอร์ เพื่อนซี้ ที่รับหน้าที่กูรูฟุตบอล ของช่องสกายสปอร์ต

แม้จะมีความเสี่ยงหลายอย่าง แต่เอาเข้าจริงๆ การเข้าคุมทีม สิงห์ผงาด ในครั้งนี้ ถือว่ามีข้อดี สำหรับตัว เจอร์ราร์ด เองอยู่มากมาย โดยเฉพาะในมุมที่เกี่ยวกับ อาชีพกุนซือของเจ้าตัว ในระยะยาว

อย่างแรก การได้เก็บประสบการณ์ ในการแข่งขันระดับสูง เพราะต้องยอมรับว่า ในศึกพรีเมียร์ลีก ณ ปัจจุบัน เป็นศูนย์รวมของกุนซือมากฝีมือ เปรียบเทียบได้กับ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในอดีต แต่ปัจจุบัน ยอดโค้ชของโลก มากองรวมกันที่อังกฤษ หลายต่อหลายคน

การคุมทีมในระดับกลาง ก็ถือว่าเป็นงานที่ไม่เสี่ยงมากไปนัก เพราะตัวผู้เล่นของ แอสตัน วิลล่า ก็ถือว่าไม่ขี้เหร่เลย แต่ละรายก็เคยโชว์ผลงานได้ดี ในฤดูกาลก่อน หากได้เสริมทีมอย่างที่ต้องการ ถือว่ามีศักยภาพ ที่จะพัฒนาได้ต่อไป

โดยสไตล์การคุมทีมของ เจอร์ราร์ด เป็นบอลเกมบุก อย่างที่หลายคนชอบอยู่แล้ว ยิ่งหากดูผู้เล่น ในเกมรับของพวกเขา ก็ต้องบอกว่าแต่ละคน ค่อนข้างเชื่อใจได้ แม้อาจจะต้องมีเสริมบ้างบางราย แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่ต้อง เปลี่ยนผู้เล่นยกแผง

ผู้เล่นในเกมรุก แต่ละรายก็น่ากลัว มีศักยภาพที่จะถล่มประตูอยู่แล้ว กองหน้าก็นำมาโดย แดนนี่ อิงส์ กองหน้าสุดฮอต ระดับทีมชาติอังกฤษ ที่ทีมใหญ่ๆ หลายทีม ก็เคยสนใจเจ้าตัว หลังจากโชว์ฟอร์มได้ดี สมัยอยู่กับ เซาแธมป์ตัน

ถ้าหากคุมทีม ในโซนหนีตกชั้น ความกดดัน ความคาดหวัง ย่อมมีสูง และค่อนข้างเหมาะกับ กุนซือมากประสบการณ์ ที่ทำผลเน้นบอล ขอเก็บแต้มไว้ก่อน มากกว่าผู้จัดการทีมมือใหม่ เน้นสร้างรูปแบบการเล่น อย่างตัวเขาเอง

แต่หากเป็นข้ามขั้น ขึ้นไปคุมทีมใหญ่ แบบที่แฟร้งค์ แลมพาร์ด เคยเจอ ความคาดหวังที่ต้องความแชมป์ ย่อมเป็นของตาย ที่ทีมระดับนี้ มองเป็นเป้าหมายกันอยู่แล้ว พอฟอร์มของทีมเอาแน่เอานอนไม่ได้ ย่อมถูกถาโถมด้วยความกดดัน และอาจจะต้องโดนเด้งจากตำแหน่ง

ทำให้สโมสรต่อไป อาจจะต้องลดระดับตัวเอง ลงไปคุมทีมที่เล็กกว่าเดิม ซึ่งในอาชีพผู้จัดการทีม ย่อมเป็นการเดินถอยหลัง อย่างเลี่ยงไม่ได้ นั่นเองครับ

และแน่นอนว่า เป้าหมายในระยะยาว ของ เจอร์ราร์ด คือการกลับไปคุม ลิเวอร์พูล อันเป็นสโมสรรัก ของเจ้าตัว โดยสัญญาของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เหลืออยู่ 2.5 ปี เท่ากับระยะสัญญา ที่เจอร์ราร์ด เซ็นกับ แอสตัน วิลล่า

การเก็บประสบการณ์ และฝีมือในช่วง 2 ปีครึ่งนี้ ย่อมจะมีส่วนสำคัญ ที่จะทำให้ เจอร์ราร์ด สามารถกลับมาอยู่ที่ ลิเวอร์พูล ในฐานะกุนซือ ได้อย่างมั่นคง เพราะหากกลับมา ในเวลาที่ยังไม่พร้อม อาจจะกลายเป็นเคสเดียวกับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กับ แมนยู ทุกวันนี้ก็เป็นได้

แฟนบอลโปรไลเซนส์

By KICKOFF

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *