หนึ่งในตัวเต็งคั่วแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฤดูกาลนี้ คงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ทีมล่าสุด อย่าง สิงโตน้ำเงินคราม ที่ปัจจุบันเป็นจ่าฝูงของลีก ซึ่งอีกหนึ่งในปัจจัยสำคัญ นั่นคือเวลาต้องเจอกับทีมใหญ่ๆ โดยช่วงนี้ทาง เชลซี กับเกมบิ๊กแมตช์ มีอยู่หลายนัดด้วยกัน
วันนี้ Kickoff88 เลยจะมาชวนเพื่อยๆ คุย เกี่ยวกับโปรแกรมบิ๊กแมตช์ ช่วงต้นฤดูกาล ที่ทาง เชลซี ต้องเจอ มาดูกันว่า พวกเค้าทำผลงานเป็นยังไง และถือว่าสอบผ่านหรือไม่ สำหรับการท้าชิงแชมป์ลีกสูงสุด ของแดนผู้ดี แบบเต็มตัว
เชลซี กับเกมบิ๊กแมตช์ ในช่วงต้นฤดูกาลถือว่าสอบผ่านหรือไม่ สำหรับการท้าชิงแชมป์
หากดูจากโปรแกรมในฤดูกาลใหม่ ต้องบอกว่า เชลซี เป็นอีกหนึ่งทีมที่เจอกับโปรแกรมหินๆ ตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาล ในศึก พรีเมียร์ลีก พวกเขามีโปรแกรมเจอกับทีมใหญ่ๆ 4 จาก 6 เกมแรก
เริ่มต้นด้วย โปรแกรมในนัดที่สอง พวกเขาต้องบุกไปเยือน อาร์เซน่อล ที่แม้ช่วงหลังจะมาตรฐานดรอปลงไป แต่การเจอกันช่วงหลัง ทาง ปืนใหญ่ ก็ทำได้ดีกว่า ทั้งในรอบชิงเอฟเอ คัพ เมื่อ 2 ฤดูกาลก่อน รวมถึงเกมลีกฤดูกาลที่แล้วทั้งสองนัดเลย
แต่เกมนี้ ทาง เชลซี ถือว่ามาแบบชิลๆ เลยด้วยซ้ำ สามารถเอาชนะไปได้ 2-0 แบบที่เหนือกว่าทุกอย่าง โดยมาได้สองประตูตั้งแต่ครึ่งแรก โดยการเจาะเกมทางด้านซ้ายของทาง อาร์เซน่อล ทำให้ รีซ เจมส์ แบ็คขวาในเกมนี้ ยิง 1 จ่าย 1
ส่วนเกมต่อมา เจอกับโปรแกรมค่อนข้างหนัก โดยต้องบุกไปเยือน ลิเวอร์พูล ที่ แอนฟิลด์ แม้ปีก่อนจะบุกมาชนะได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเกมนั้นทาง หงส์แดง ที่ทีมค่อนข้างพิการ ยังเล่นได้ดูดีกว่าทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องผลสกอร์
ช่วงแรกพวกเขาก็โดนกดไว้พอสมควร ตามคุณภาพของคู่แข่งที่ตัวผู้เล่นค่อนข้างพร้อม แต่พวกเขาก็มาฉวยออกนำเร็ว จากลูกเตะมุม และเป็นทาง ไค ฮาเวิร์ตซ์ ที่โหม่งได้พิสดาร ทำให้สามารถชิงความได้เปรียบ มาอยู่ในกำมือ
ก่อนที่ช่วงท้ายครึ่งแรก จะมีจุดเปลี่ยนสำคัญ โดย รีซ เจมส์ ไปทำแฮนด์บอล ทำให้ทีมเสียทั้งจุดโทษและใบแดง จึงเป็นเหตุให้โดนตีเสมอ จากการยิงจุดโทษจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์
แต่พอเริ่มครึ่งหลังมา มีการปรับแท็คติกนิดหน่อย เพื่อเตรียมมารับเต็มตัว หลังจากนั้นพวกเค้าแทบไม่เปิดโอกาสให้ทางคู่แข่ง ได้มีโอกาสจบสกอร์เหน่งๆ เลย แถมทีมมีการใช้จังหวะโต้กลับ แบบใช้ผู้เล่นน้อยคน เพื่อเป็นการไม่เสี่ยงต่อการเสียประตู
และแท็คติกดังกล่าว ค่อนข้างได้ผล ทำให้พวกเข้าเก็บ 1 คะแนนสำคัญกลับบ้านมาได้ เพราะเรียกได้ว่าครึ่งหลัง เป็นเกมของ ลิเวอร์พูล เกือบจะ 100% แต่ทาง หงส์แดง แทบจะไม่ได้ลุ้นทำประตูแบบจะๆ เลย หนำซ้ำพวกเค้ายังมีโอกาสลุ้นอยู่หนสองหนอีกด้วย
ส่วนเกมต่อมา เป็นเกมลีก โปรแกรมนัดที่ 5 โดยพวกเขามีคิวต้องบุกไปเยือน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ ทั้งในส่วนของฝ่ายบริหาร กุนซือ รวมถึงมีการปรับทีมหลายตำแหน่ง แต่ตัวหลักๆ ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นหน้าเดิม
เกมนี้ในครึ่งแรกถือว่าสูสีกัน ยังไม่มีใครดูเหนือกว่ากันมาก แต่พอเข้าสู่ครึ่งหลัง ทาง โธมัส ทูเคิ่ล มีการส่ง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ลงสนาม มันกลายเป็นการเปลี่ยนทุกอย่าง แบบหน้ามือเป็นหลังมือ
โดย ก็องเต้ มีส่วนสำคัญทำให้ในครึ่งหลัง เชลซี สามารถบุกมาเก็บชัยได้ 3-0 อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้ทำประตูอีกด้วย ตรงนี้ทำให้ เชลซี สามารถเก็บได้ถึง 7 คะแนนจากบิ๊กแมตช์ 3 นัด ที่เป็นเกมเยือนล้วนๆ แถมเสียไปเพียงประตูเดียว จากลูกจุดโทษอีกด้วย
ส่วนเกมล่าสุด พวกเค้าต้องเจอกับแชมป์เก่า อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มาในฐานะแชมป์เก่า ยังดีที่ได้เล่นในบ้านตัวเอง ถือว่าเป็นการรีแมตช์ นัดชิงยูซีแอล เมื่อฤดูกาลก่อน แต่เกมนี้ เป๊ป กวาดิโอล่า ไม่ได้จัดทีมอินดี้เหมือนกับเกมนั้น
ทำให้เกมนี้ ส่วนใหญ่ทาง เชลซี ตกเป็นเบี้ยล่างค่อนข้างชัดเจน ตลอดทั้งเกมแทบโงหัวแทบจะไม่ขึ้น อีกด้วยจังหวะที่จะโต้กลับ กองหน้าคู่อย่าง โรเมลู ลูกากู และ ทิโม แวร์เนอร์ ก็เก็บบอลไม่ค่อยได้
สุดท้ายแล้วทาง เรือใบสีฟ้า มาได้ประตูชัยในช่วงครึ่งหลัง จากการพลิกยิงของ กาเบรียล เฆซุส ที่จะว่ามีโชคช่วยนิดนึงก็ได้ เพราะบอลไปแฉลบ จอร์จินโญ่ เปลี่ยนทางเข้าประตูไป
บทสรุปของ เชลซี กับเกมบิ๊กแมตช์ 4 จาก 5 นัดหลัง ของฟุตบอลลีก ทำผลงาน ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 1 เก็บมาได้ 7 คะแนน ก็ถือว่าไม่แย่เลยครับ เพราะอย่าลืมว่าหลังจากนี้ โปรแกรมในฟุตบอลลีกของพวกเค้า จะงานเบาลงอย่างชัดเจน
ต่างกับคู่แข่งสำคัญ อย่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่จะมีเกมใหญ่รอพวกเค้าอยู่รัวๆ โดยเฉพาะในสัปดาห์หน้าที่ทั้งคู่กำลังจะตัดแต้มกันเองอีก ถือว่า เชลซี สามารถเอาตัวรอดมาได้ในช่วงโปรแกรมหนักๆ แบบไม่ช้ำเท่าไหร่
โดยโปรแกรมนัดต่อไปของพวกเค้า ยังมีเกมหนัก รอเจอทาง ยูเวนตุส ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แต่ต้องยอมรับว่าวินาทีนี้ พวกเค้าเหนือกว่า ม้าลาย จากศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ไปแล้ว
แฟนบอลโปรไลเซนส์