แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ รอบรองชนะเลิศ ก่อนจะถึงบทสรุปในรายการนี้

เดินทางมาถึง ช่วงท้ายของรายการ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับฟุตบอล ชิงแชมป์แห่งทวีปแอฟริกา โดยเกม แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ รอบรองชนะเลิศ ได้ลงเล่นกันเป็นที่เรียบร้อย ทำให้ตอนนี้ พวกเราได้ คู่ชิงชนะเลิศ เป็นที่เรียบร้อย

โดย เก่งหลังเกม ก็จะมาสรุป ฟุตบอลรายการดังกล่าว ทั้งสองนัดที่เพิ่งผ่านไป พร้อมกับ บทวิเคราะห์ฟุตบอล ในสไตล์ของพวกเรา เช่นเคย หาเพื่อนๆ ไม่อยากพลาด บทความฟุตบอล ดีๆ จากพวกเรา อย่าลืมติดตามกันไว้

แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ รอบรองชนะเลิศ ก่อนจะถึงบทสรุปในรายการนี้

1. บูร์กินาฟาโซ 1 – 3 เซเนกัล

โดยทาง บูร์กินาฟาโซ ถือว่าเป็นม้ามืด พอสมควร หลังผ่านเข้ารอบ มาถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายได้ แบบที่ไม่มีใครคาดคิดนัก ผิดกับทาง เซเนกัล ที่เป็นตัวเต็งของรายการ จากคุณภาพของนักเตะ ที่มีผู้เล่นระดับท็อป อยู่ทุกตำแหน่ง

และเกมนี้ยังได้ ซาดิโอ มาเน่ กลับมายืนตัวจริง หลังได้รับบาดเจ็บ จากเกมในรอบที่แล้ว ตำแหน่งอื่นๆ ก็คงเดิม มีการเปลี่ยนผู้เล่น เพียงไม่กี่ตำแหน่งเท่านั้น

เกมในครึ่งแรกเวลาแรก ต้องบอกว่าสูสีกันมาก ทั้งสองทีม ต่างก็เล่น ในแบบที่ทั้งคู่ถนัด โดยทาง บูร์กินาฟาโซ เน้นรับแล้วสวนกลับ ส่วนทาง เซเนกัล อาศัยความสามารถเฉพาะตัว ของผู้เล่นแนวรุก ในการทะลวง

แต่ทั้งคู่ ก็ยังทำประตูกันไม่ได้ แม้ทาง เซเนกัล จะเกือบได้จุดโทษ แต่ผู้ตัดสิน เช็ค VAR แล้วสั่งให้ลุกขึ้น เช่นเดียวกับในช่วงต้นครึ่งหลัง ที่ทั้งสองทีม เริ่มเล่นแบบ ระมัดระวังกันมากขึ้น เพราะประตูเดียว อาจจะตัดสินเกมได้

อย่างไรก็ตาม เซเนกัล มาได้ประตูขึ้นนำ จากลูกฟรีคิก แล้วเป็นจังหวะขลุกขลิก ก่อนที่ อับดุล ดิยาโล่ จะยิงเข้าไปง่ายๆ ให้พวกเขา ออกนำไปก่อน 1-0

และลูกสอง ก็ไม่ต้องรอนาน จากความขยันของ มาเน่ ที่ตามไปเพลส แย่งบอลที่สุดเส้นหลัง ก่อนจะปาดเข้ากลาง ให้ทาง บัมบ้า เดียง เข้ามายิงจ่อๆ ทำให้ตอนนี้ เซเนกัล หนีไปเป็น 2-0 ในขณะที่เหลือเวลาอีก 15 นาที

หลังจากนั้น บูร์กินาฟาโซ พยายามบุกเอาประตูคืนบ้าง แล้วก็มาได้ประตูตีตื้น ในนาทีที่ 82 จากการขึ้นเกมตรงกลาง และปาดออกไปริมเส้น ที่พวกเขาพยายามมาทั้งเกม สุดท้ายเป็น บาติ ตูเร่ วิ่งมาแปนิ่มๆ ให้ทีมไล่มาเป็น 1-2

ได้เสียวอยู่ไม่นาน พวกเขากันไปเสียบอลกลางสนาม โดยจ่ายไปติด พวกเดียวกันเองที่วิ่งมาล้มพอดี และเป็นทาง อิสไมร่า ซาร์ ที่จ่ายให้ ซาดิโอ มาเน่ หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงง่ายๆ ปิดเกมได้สำเร็จ

2. แคเมอรูน 0 – 0 อียิปต์ (จุดโทษ 1-3)

ทางด้าน หมอผี ในฐานะเจ้าภาพ ย่อมอยากคว้าแชมป์ มากกว่าครั้งไหนๆ เกมนี้ก็กุมความได้เปรียบ จากเสียงเชียร์ในสนาม ส่วน มัมมี่ ที่ฟอร์มกระท่อนกระแท่น การมาถึงรอบนี้ได้ ต้องขอบคุณเกมรับของพวกเขา

เพราะตลอดทั้งรายการ พวกเขาเสียไปเพียง 2 ประตู เท่านั้น เช่นเดียวกับเกมบุก ที่ยิงได้น้อย จนน่าตกใจ ในรอบแบ่งกลุ่ม ทำได้ 2 ประตู ในรอบน็อคเอ้าท์ ก็ทำไปได้เพียง 2 ประตู ทั้งๆ ที่มีจอมถล่มสกอร์ อย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์

เริ่มเกมมา เป็นทาง แคเมอรูน ทำได้ดีกว่า บุกได้น้ำได้เนื้อ เกือบได้ประตูขึ้นนำ แต่ดันโหม่งไปชนสามเหลี่ยม ด้าน อียิปต์ ก็มีเพียง ซาลาห์ คนเดียวที่ยังพอวูบวาบ ทำให้คู่แข่ง จับทางได้ง่ายมาก

ทำให้ในครึ่งแรก ทั้งสองทีมมีโอกาส ลุ้นประตูกันไม่มากเท่าไหร่ โดยส่วนใหญ่ ทีมที่ทำได้เข้าเป้า มากกว่าแบบชัดเจน เป็นฝ่ายเจ้าบ้าน แต่ก็ขาดความเฉียบคม ทำให้จังหวะสุดท้าย ขาดๆ เกินๆ

ต้นครึ่งหลัง ทาง อียิปต์ เพิ่งจะมีโอกาสลุ้นตรงกรอบ จากลูกฟรีคิก และเป็นทาง มอสตาฟา โมฮาเหม็ด ที่โหม่งไปตรงตัว ผู้รักษาประตูของทาง แคเมอรูน ที่เพิ่งจะมีโอกาสได้เซฟ และยังเป็นจังหวะเดียว ในเกมนี้อีกด้วย

จนจบเกม ทั้งคู่ก็ยังทำประตูกันไม่ได้ ซึ่งทาง มัมมี่ ควรจะกราบ ผู้รักษาประตู ของพวกเขา ที่ช่วยเซฟอุตลุด ทำให้ทีมยังได้ไปลุ้นต่อ ในช่วงต่อเวลาพิเศษ

ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ทั้งสองทีม มีโอกาสได้เสียว ด้วยกันทั้งคู่ แต่สุดท้ายบอลมันเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา จนทำให้ทั้งคู่ ต้องไปวัดกันต่อ ในการดวลจุดโทษชี้ขาด

และสุดท้าย เป็น อียิปต์ ที่ยิงแม่นกว่า โดยพวกเขา ยิงเข้าสามคนรวด ผิดกับทาง แคเมอรูน ที่ได้เล่นในบ้านตัวเอง ไม่รู้ว่าเพราะกดดันหรืออะไร มีเพียงคนแรก ที่ยิงเข้า ที่เหลืออีก 3 คนต่อมา ยิงไม่เข้าซักคน ทำให้ทาง อียิปต์ ได้เข้ารอบต่อไป

แฟนบอลโปรไลเซนส์

By KICKOFF

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *