การพักเบรก ฟีฟ่าเดย์ ส่งผลอย่างไรกับ ฟุตบอลระดับสโมสร

การพักเบรก ฟีฟ่าเดย์ อาจจะเป็นช่วงที่แฟนบอล อย่างเราๆ ค่อนข้างเบื่อซักเล็กน้อย ยิ่งในช่วงที่เกมลีกเพิ่งกลับมาแข่งได้ไม่นาน แต่พอเครื่องติด ก็ต้องมีการพักเบรก เพื่อหลบให้ช่วง ปฏิทินฟีฟ่า กันเกือบทั่วโลก

วันนี้ Kickoff88 จะพาไปดูกันว่า การที่ฟุตบอลลีก ต้องเบรก เพื่อหลบให้โปรแกรมทีมชาติ นั้นส่งผลยังไงกับ ฟุตบอลระดับสโมสร

การพักเบรก ฟีฟ่าเดย์ ส่งผลอย่างไรกับ ฟุตบอลระดับสโมสร

อย่างแรก ต้องบอกว่า มีหลายทีม ที่กำลังทำผลงานได้ดี แต่พอเจอช่วง ฟีฟ่าเดย์ ทำให้นักเตะในทีม ต้องแยกย้ายกันไปรับใช้ชาติ ทำให้โมเมนตัมของทีม สะดุดลงไปสมควร บางทีมมาดีๆ พอหลังเบรกทีมชาติ ผลงานรูด จนกลายเป็นคนละทีม ก็มีครับ

ซึ่งก็ต้องบอกว่า เป็นธรรมดาของฟุตบอล ขนาดนักเตะที่ได้เป็นสำรอง กว่าที่จะลงเล่นแล้วทำผลงานได้ดี บางทียังต้องใช้เวลายกใหญ่ บางคนได้เวลาลงเล่นน้อย จนเสียผู้เสียคนไปเลย ก็มีเช่นกัน

นั่นจึงเป็นสาเหตุ ว่าทำไมนักเตะหลายคน พยายามขยับขยายย้ายทีม เพื่อหาโอกาสลงเล่น เพราะสิ่งที่เรียกว่า จังหวะฟุตบอล เป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะทำให้นักเตะคนนึง สามารถโชว์ผลงานที่ดีออกมาได้

ยิ่งช่วงเวลานี้ เป็นช่วงที่สโมสร เพิ่งจะเปิดลีก บางคนสภาพร่างกาย หรือความฟิตยังไม่ 100% การส่งไปเล่นกับทีมชาติ ถือว่ามีความเสี่ยงพอสมควร

เพราะหากนักเตะ เกิดอาการบาดเจ็บ คนที่รับเคราะห์เต็มๆ ก็จะเป็นสโมสร ที่ทั้งต้องจ่ายค่าเหนื่อย และค่ารักษาพยาบาลทุกอย่าง ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้เป็นสาเหตุ ที่ทำให้ผู้เล่นคนดังกล่าว ได้รับบาดเจ็บ

ปัจจุบันยังดีที่ ฟีฟ่า มีโครงการเยียวยาสโมสร หากมีนักเตะคนใด ได้รับบาดเจ็บ จากการรับใช้ทีมชาติ แต่ในหลายๆ ครั้ง ก็ไม่ได้เพียงพอ กับสิ่งที่สโมสรต้องเสียไป

อย่างเช่น ฤดูกาลก่อน ลิเวอร์พูด ที่เสียตัวหลักอย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ไปก่อน กลับต้องมาเสีย โจ โกเมซ ไปอีกราย แถมระยะเวลาบาดเจ็บ ค่อนข้างยาวนาน จนจบฤดูกาลแล้ว ก็ยังไม่สามารถหายกลับมาได้

จนปีก่อน หงส์แดง เกิดวิกฤติแนวรับ จนเกือบไม่ได้ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลถัดมา คิดสภาพ หากทาง ลิเวอร์พูล หลุดโควต้ายุโรปถ้วยใหญ่ ในวิกฤติโควิด-19 แบบนี้ จะส่งผลต่อรายได้ของสโมสรขนาดไหน

แม้อาการบาดเจ็บ จะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่เชื่อว่าฝ่ายสโมสรต้นสังกัดนั้น มีการดูแลนักเตะของตัวเอง ดีกว่าสต๊าฟของทีมชาติ ที่พอคนนึงไม่พร้อม ก็แค่เรียกผู้เล่นรายอื่นๆ เข้ามาทดแทนได้ตลอดเวลา

ยิ่งในรอบล่าสุด ดาวรุ่งพุ่งแรง ของพวกเขา อย่าง ฮาร์วีย์ เอลเลียต ก็ต้องถอนตัวจากทีมชาติ หลังจากได้รับบาดเจ็บ จากการไปรับใช้ทีมชาติชุดเล็ก รวมถึง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ที่ยังไม่หายดี 100% แล้วมีภาพเดินกระเพลกในช่วงท้ายเกม อีกราย

ไหนจะ ในกรณีของ นาบี เกติอ้า ที่เดินทางไปรับใช้บ้านเกิดที่ กินี แล้วประเทศของเจ้าตัว เกิดการรัฐประหาร จนสโมสรต้องดิ้นรนหาทาง ให้ผู้เล่นของตัวเอง กลับมาอย่างปลอดภัย

หรือในช่วง โควิด-19 ก็เคยมีบทเรียนแย่ๆ ครั้งที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เดินทางไปรับใช้ ทีมชาติอิยิปต์ ลงเล่นเกม แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ รอบคัดเลือก เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน แล้วติดโควิด-19 ในงานแต่งน้องชาย

และล่าสุด ผู้เล่นทีมชาติบราซิล ในศึกพรีเมียร์ลีก ที่ถูกเรียกไปเล่นทีมชาติ แต่หากใครเดินทางจากบราซิล แล้วกลับมายังประเทศอังกฤษ ต้องถูกกักตัว จากมาตรการป้องกัน

ทำให้เหล่าสโมสร ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไม่ยอมให้นักเตะของตนเอง เดินทางไปรับใช้ชาติ กลับโดนสมาคมฟุตบอลบราซิล แจ้งให้ทางฟีฟ่า ลงโทษแบนนักเตะเหล่านั้น จนพลาดช่วยทีมไป 5 วัน

ในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงต้นฤดูกาล ยังอาจจะไม่ส่งผลอะไรมาก เพราะตัวผู้เล่นเอง ก็ยังถือว่ายังไม่สะบักสะบอม เท่าไหร่ แต่หากเป็นช่วงปลายฤดูกาล ที่หลายทีมนั้นอยู่ในช่วงแย่งแชมป์ หรือหนีตกชั้น จะส่งผลมหาศาลกับสโมสรต้นสังกัด เลยทีเดียว

แม้ช่วงหลังเอง หลายฝ่ายจะพยายาม หาทางออกที่ดีที่สุด เช่นการเปลี่ยนช่วงเวลา การแข่งขันของฟุตบอลระดับนานาชาติ ก็ตาม แต่ก็ยังไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลง ออกมาอยู่ดี มีแต่พยายามหาเรื่อง ให้นักเตะยิ่งโทรมเข้าไปใหญ่

อย่างการให้ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ปรับมาแข่งกันทุก 2 ปี และคั่นด้วยฟุตบอลยูโร ไม่รู้ว่าคนคิด ห่างหายจากการเล่นฟุตบอลไปเท่าไหร่แล้ว ถึงได้คิดหาทำอะไร ที่จะเป็นการทำลายนักฟุตบอลทางอ้อม

ดังนั้น ปัญหานี้ จะยังคงอยู่กับโลกฟุตบอล ไปอีกหลายปี ซึ่งถ้าเป็นเกมกระชับมิตร ยังดีที่สโมสร สามารถสั่งถอนผู้เล่นของตัวเองได้ แต่หากเป็นเกมทางการ ก็จะยังมีบทลงโทษเช่นนี้ ไปอีกซักพักเลยครับ

แฟนบอลโปรไลเซนส์

By KICKOFF

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *