ทีมชาติไทย เอเอฟเอฟ แชมเปี้ยนส์คัพ สามนัดแรก ทำผลงานได้ดีแค่ไหน

เชื่อว่าแฟนบอลไทย น่าจะชื่นใจพอสมควร กับผลงานของ ทีมชาติไทย เอเอฟเอฟ แชมเปี้ยนส์คัพ สามนัดแรก ที่สามารถเก็บชัยชนะได้ทั้ง จนสามารถการันตีการเข้ารอบ แม้จะเหลือเกมสุดท้าย ที่จะต้องพบกับเจ้าบ้าน อย่าง สิงคโปร์ ในเกมสุดท้ายก็ตาม

วันนี้ เก่งหลังเกม จะขอย้อนรอยดูซักหน่อย ว่าผลงานของ ทัพช้างศึก ในศึกชิงแชมป์อาเซียน นั้นทำผลงานได้ดีแค่ไหน

ทีมชาติไทย เอเอฟเอฟ แชมเปี้ยนส์คัพ สามนัดแรก ทำผลงานได้ดีแค่ไหน

อย่างแรกต้องบอกก่อนว่า ทีมชาติไทยชุดนี้ ยกทีมที่ดีที่สุดมาเล่น เรียกได้ว่ากะมาเอาแชมป์ นั่นแหละครับ เพราะเทียบกับชาติอื่นๆ แล้ว ไม่ได้มาด้วยชุดฟูลทีม ซักเท่าไหร่

โดยทัพ ช้างศึก นำทัพชุดนี้มาโดย พี่ใหญ่ อย่าง ธีรศิลป์ แดงดา และสองแข้งเจลีก อย่าง ชนาธิป สรงกระสินธุ์ รวมถึง ธีราทร บุญมาทัน ที่สองรายหลัง เดินทางมาสมทบกับทีม หลังจากจบเกมนัดแรก

ซึ่งในนัดแรก ทีมชาติไทย ต้องเจอกับสมันน้อย อย่าง ติมอร์ กุนซือทีมชาติไทยป้ายแดง อย่าง มาโน่ โพลกิ้ง จัดทัพแปลกๆ จนแฟนบอลเกาหัวไปตามๆ กัน ไล่ตั้งแต่ ส่งแบ็คขวาลงสนามถึงสองคน โดยให้ ทริสตอง โด ไปเล่นแบ็คซ้าย

ส่วนในตำแหน่งกองกลางสามคน ส่งมิดฟิลด์เชิงรับ ลงเล่นทั้งหมด ไล่ตั้งแต่ สารัช อยู่เย็น พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล และ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ทำให้แม้จะครองเกมไว้ได้เกือบหมด แต่ก็แทบไม่สามารถ สร้างสรรค์เกมบุกดีๆ ได้เลย

ก่อนที่ช่วงครึ่งหลัง จะได้เวลาของ ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร แข้งดาวรุ่ง ที่อิมพอร์ทมาจาก เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งเจ้ากันก็ทำให้เห็น ว่าของจริงเป็นยังไง หลังเล่นได้เหนือกว่ารุ่นพี่ แบบโดดเด่นมากๆ

แม้ในท้ายที่สุด ทีมชาติไทย จะเก็บสามแต้ม ด้วยการเอาชนะ ติมอร์ 2-0 จากประตูของ ปฐมพล เจริญรัตนกุล และ สุภโชค สารชาติ แต่เชื่อว่าทุกคนคงคิดเหมือนกัน ว่าเป็นฟอร์มการเล่นที่น่าผิดหวัง

เกมที่สอง ในการเจอกับ พม่า มีการปรับทัพพอสมควร โดยเกมนี้ สองแข้งจากเจลีก ได้ออกสตาร์ทตัวจริงทันที พร้อมด้วย เจ้ากัน ที่โชว์ของในเกมแรก พร้อมด้วยคู่หน้า อย่าง ศุภชัย ใจเด็ด และ เทพมุ้ย

ซึ่งเกมนี้ ทีมชาติไทย เล่นเหมือนแผน 4-2-2-2 โดยการมีมิดฟิลด์เซนส์บอลเกมรุกดีๆ อย่าง ชนาธิป และ ธนวัฒน์ ทำให้เกมบุกของ ไทย ลื่นไหลมากขึ้น รวมถึงการเติมเกมของ โก๋อุ้ม ที่ต้องบอกว่า คลาสบอลเหนืออาเซียน ไปไกลแบบลิบตา

ยิ่งตัวสำรองที่ส่งลงมาภายหลัง ก็เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้เกมนี้ ทีมชาติไทย สามารถเอาชนะ ทีมชาติพม่า ไปแบบสบายๆ 4-0 จากการเหมาสองประตูของ ธีรศิลป์ และสองประตูจากตัวสำรอง อย่าง วรชิต และ สุภโชค

แต่จุดอ่อนที่ฉายให้เห็น คือเกมรับค่อนข้างภาระหนัก ทั้งฟูลแบ็คทั้งสองข้าง ที่รับหน้าที่เติมเกมอยู่ตลอด รวมถึงคู่กองหลังตัวกลาง ที่รับบทเซ็ตบอลตั้งแต่หน้าโกลตัวเอง ไม่มีโยนโด่งมั่วซั่ว ให้คู่แข่งเก็บบอลมาเล่นได้ง่ายๆ

รวมถึงการพับสนามบุก ของทีมชาติไทย ย่อมเปิดโอกาสให้คู่แข่ง มีจังหวะโต้กลับอยู่หลายครั้ง ดีที่คู่กองหลัง ยังไม่มีจังหวะผิดพลาด เลยทำให้คู่แข่ง ไม่สามารถเจาะประตูได้นั่นเอง

ส่วนเกมที่สาม กับ ฟิลิปปินส์ ถือว่ายกระดับคู่ต่อสู้ ขึ้นมาในระดับนึง และเกมนี้ยังมาด้วยผู้เล่นชุดเดิมๆ แผนเดิมๆ มีเพียงเปลี่ยน สุภโชค สารชาติ ออกสตาร์ตัวจริง

แน่นอนว่า ช้างศึก สามารถครองเกมไว้ได้เป็นส่วนใหญ่ แทบจะไม่ปล่อยให้ ปินอย ได้มีโอกาสโต้กลับมากนัก แต่การสวนมาแต่ละที ต้องบอกว่าลุ้นกันใจหายใจคว่ำ เพราะแผนการเล่นของ มาโน่ โพลกิ้ง ที่แม้จะทรงบอลดี แต่หลายจังหวะก็ไม่ได้เคลื่อนที่กันดีมากนัก

ทั้งการจบสกอร์ ที่ค่อนข้างใช้โอกาสเปลือง ทั้งเกมรับที่ได้เสียวทุกครั้ง ที่โดนคู่แข่งโต้กลับมา และสุดท้าย ก็มาเสียประตูแรกของรายการ จากจังหวะโหม่งสกัดผิดเหลี่ยมของ มานูเอล ทอม เบียรห์ ที่ไม่รู้คิดอะไร โหม่งเคลียกลับมากลางประตู เลยโดนผู้เล่นของ ฟิลิปปินส์ ยิงตีเสมอซะได้

ก่อนที่ไทย จะมาได้จุดโทษ จากจังหวะลุยเก็บตกของ ฐิติพันธ์ ก่อนที่ ธีรศิลป์ จะยิงจุดโทษเข้าไป และเป็นประตูที่ 4 ของรายการ ให้เจ้าตัวขึ้นนำ ดาวซัลโว อีกด้วย

การที่ทีมชาติไทย สามารถคว้าชัยชนะได้ 3 นัดรวด ทำให้พวกเขา การันตีการเข้ารอบทันที แต่จะต้องวัดกับ สิงคโปร์ เจ้าภาพในนัดสุดท้าย ว่าใครจะได้เข้าเป็นที่ 1 ของสาย

แม้ผลงานชนะ 3 นัดรวด จะเป็นผลงานที่ดีก็จริง แถมรูปเกมของ ไทย ก็สามารถครองเกมเหนือคู่แข่ง แต่จุดอ่อน รวมถึงจุดเสี่ยง ของทีมชุดนี้ ยังมีให้เห็นอีกพอสมควร

เพราะอย่าลืมว่า ต่อจากนี้ คู่แข่งที่พวกเขาจะเจอ จะยกระดับขึ้นมาจากเดิมพอสมควร จากที่เคยเจอบอลห่างชั้น จะต้องเจอฟุตบอลในระดับใกล้เคียงกัน ทำให้ในแต่ละเกม สามารถวัดผลกันได้ ด้วยจังหวะ เพียงไม่กี่จังหวะ

ก็ต้องเป็นการบ้าน ที่กุนซืออย่าง มาโน่ ต้องแก้ไขกันต่อไป ซึ่งอย่าลืมว่า นี่เป็นเพียงทัวร์นาเม้นต์แรก ของเจ้าตัวกับทีมชาติไทยชุดนี้ เท่านั้น ระยะเวลา มีส่วนทำให้ทุกคนเล่นเข้าขากันมากขึ้น อยู่แล้ว

เชื่อว่าหาก กราฟของทีมชาติไทย ยังคงเป็นขาขึ้น และดีวันดีคืนไปเรื่อยๆ มองว่าแชมป์ในรายการ เอเอฟเอฟ แชมเปี้ยนชิพ ในครั้งนี้ ดูจะไม่เกินมือพวกเขาไปนัก ยิ่งสามแข้งซีเนียร์ บวกกับของดีจากเลสเตอร์ อย่าง เจ้ากัน ที่ดูเหนือกว่าคู่แข่งแบบเอ้าท์คลาสแล้วละก็ ไม่น่ามีปัญหาครับ สำหรับแชมป์รายการนี้

แฟนบอลโปรไลเซนส์

By KICKOFF

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *