บอลยูโร วันที่สี่

พบกับบทความ เก่งหลังเกม กันเช่นเคย ยังอยู่กันที่เกม ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2020 เช่นเคย ซึ่งวันนี้จะพาเพื่อนๆ ไป วิเคราะห์ บอลยูโร วันที่สี่ โดยมีเกมการแข่งขันไปทั้งหมด 3 คู่เช่นเดิม แบ่งเป็นเกมกลุ่ม ดี 1 คู่ คู่ระหว่าง สกอตแลนด์ พบ สาธารณรัฐเช็ก และกลุ่มอี อีก 2 คู่ ซึ่งเป็นเกมระหว่าง โปแลนด์ พบ สโลวาเกีย กับ สเปน พบ สวีเดน

ซึ่งทั้ง 3 คู่เมื่อคืน ผลการแข่งขันจะเป็นเช่นกัน รูปเกมเป็นอย่างไร และสถานการณ์ของทั้งสองกลุ่มจะเป็นเช่นไร ทีมงาน Kickoff88 ขอพาเพื่อนๆ ไปคุยพร้อมๆ กันเลย

วิเคราะห์ฟุตบอล บอลยูโร วันที่สี่ กลุ่มดี และ กลุ่มอี

1. สกอตแลนด์ พบ สาธารณรัฐเช็ก

คู่แรกเริ่มกันที่ตอน 20.00 นาฬิกา เช่นเคย โดยทั้งคู่นั้นเพิ่งเจอกันมาใน เนชั่นส์ลีก ซึ่งเป็นฝั่ง ขี้เมา เอาชนะไปได้ทั้งสองนัด ทำให้ก่อนเกมนี้ หลายคนมองไปว่า สกอตแลนด์ จะย้ำแค้นเป็นรอบที่สาม แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะเอาจริงๆ ทั้งสองเกมนั้น ทาง เช็ก นั้นทำได้ดีกว่าทุกอย่าง ยกเว้นเปลี่ยนโอกาสเป็นสกอร์

แต่ในเกมนี้ ทีมที่ดีกว่ากลับเป็น สกอตแลนด์ ที่ได้เล่นในบ้านตัวเอง สามารถครองเกมได้ดีกว่า แถมหาจังหวะจบได้เยอะ ปัญหาก็คือพวกเค้ายิงไม่เข้าเนี่ยแหละครับ ต่อให้มีโอกาสใกล้ชิด แต่หากไม่โดนใจเธอ ก็ต้องแพ้เขาอยู่ดี เช่นเดียวกับฟุตบอล ถ้ายิงไม่เข้ามันก็เท่านั้น เกมนี้พวกเค้าเลยแพ้ไปแบบ เซงๆ 0-2

เริ่มจากมาเสียลูกแรกแบบน่าเสียดาย แต่โทษใครไม่ได้ จากลูกโหม่งสุดสวยของ พาทริค ชิค ในปลายครึ่งแรก แต่ปัญหามันอยู่ที่ลูกสองเนี่ยแหละครับ จะว่าคนยิงดีมันก็ใช่ แต่จะว่าโกลของ สกอตแลนด์ อย่าง เดวิด มาร์แชลล์ ต้องรับผิดชอบก็คงไม่ผิดครับ

เพราะหากใครได้ดูจะอุทานเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า “มึงจะออกมาเพื่ออออ….” กลายเป็นว่าลูกยิงสุดสวยของ ชิค นั้นเป็นการทำประตูที่ไกลที่สุดในประวัติศาสตร์ ของฟุตบอลยูโร รอบสุดท้ายเลย ซึ่งประตูนี้น่าจะเป็นตัวเต็งที่จะคว้ารางวัลลูกยิงสุดสวยประจำทัวร์นาเม้นต์ ซึ่งหากไม่ได้ มาร์แชลล์ ที่โง่ออกมายืนไกลเกือบวงกลมครึ่งสนาม ประตูนี้อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นบนโลกครับ

2. โปแลนด์ พบ สโลวาเกีย

คู่ต่อมาตอน 23.00 นาฬิกา ใครๆ ก็บอกทาง โปแลนด์ เป็นต่อพอสมควร เพราะพวกเค้านำมาโดย โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หน้าเป้าอันดับหนึ่งของโลกในปัจจุบัน ที่ยิงกระจุยทำลายสถิติมากมายในเยอรมัน พา บาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์ทุกปี ผิดกับ สโลวาเกีย ที่ดาวซัลโวประจำทีม เป็นผู้เฒ่าที่หนีไปโกยเงินหยวนที่ต้าเหลียน อย่าง มาเร็ค ฮัมซิค ที่เพิ่งกลับมาเล่นในสวีเดน เพราะยกเลิกสัญญากับต้นสังกัดจากจีน

ซึ่งจริงๆ คำพูดนั้นก็ไม่ผิดนัก เพราะทาง สโลวาเกีย มาได้ประตูนำแบบโชคช่วย เพราะคนซวยอย่าง วอจเซียค เซสนี่ ที่เซฟลูกยิงของ โรเบิร์ต มัค ไม่ได้ แต่บอลเจ้ากรรมที่ไม่ตรงกรอบดันไปชนเสาแล้วกระเด็นมาโดนหัว เซสนี่ เข้าประตูเสียอย่างนั้น เรียกว่าครบเลยสำหรับ เซสนี่ ทั้งเจ็บ ทั้งโดนไล่ออก ทั้งทำเข้าประตูตัวเอง ในยูโร รอบสุดท้าย ถ้าคนอิสานจะแนะนำว่า อยู่ซือๆ หรืออยู่เฉยๆ

ก่อนที่ต้นครึ่งหลัง ทาง โปแลนด์ จะมาตีเสมอได้จากเพลย์แรกของพวกเค้า ซึ่งทัพโปแลนด์ โชว์การต่อบอลระดับ บาซ่า ยุครุ่งเรือง ต่อบอลแบบเอาซะ กองหลัง สโลวาเกีย เหมือนกรวย แล้วเป็นทาง คาโรล ลิเน็ตตี้ แปเข้าไปง่ายๆ แต่เกมที่กำลังดีๆ มีอันจบสิ้น เมื่อทาง เกอร์เซกอร์ซ ครีโชเวียค ที่โดนเหลืองในครึ่งแรก ดันไปย่ำใส่ ยาคุบ โฮรมาดา อาจารย์ไม่รอช้า ควักเหลืองสองไล่ออกจากสนามทันที

อย่างที่เรียนให้ทราบว่า กองหน้าของ สโลวาเกีย ไม่เอาอะไรเลย แต่ทาง มิลาน สคริเนียร์ กองหลังดีกรีแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา ที่ขึ้นมาในจังหวะเตะมุม ซึ่งจากจังหวะโหม่งโชงหรือเคลียไม่ขาดจำไม่ได้ แต่บอลมาเข้าเท้า สคริเนียร์ ยิงซะแบบที่ว่ากองหน้าอาย เข้าประตูแบบไปสวยงาม จบเกมทาง สโลวาเกีย เก็บสามแต้มไปแบบช็อคพอสมควร

3. สเปน พบ สวีเดน

คู่สุดท้ายตอน 02.00 นาฬิกา เกมนี้ทางสเปนเป็นต่ออยู่เยอะ เพราะทาง สวีเดน ไม่มี ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ผู้สถาปนาตัวเองเป็นพระเจ้า(แบบนี้ก็ได้หรอ?) แต่ทัพกระทิงดุที่ทำทีมมาโดย เก้อินดี้ ที่ส่งชื่อทีมชุดนี้มาเพียง 24 จาก 26 คน แถมยังไม่มีนักเตะจากสโมสร เรอัล มาดริด มาแม้แต่คนเดียว แม้กระทั่ง รามอส ที่ช่วยยิงกู้ชีพสเปนในช่วงหลัง ไม่รู้กี่หนต่อกี่หน

เรื่องการต่อบอล ไม่มีใครแข่งกับพวกพี่อยู่แล้ว แต่สุดท้ายฟุตบอลหนะมันวัดกันที่ประตู คุณครองเกมได้ 80-90% หรือคุณจะเอาบอลไปเล่นที่บ้าน แต่หากคุณยิงไม่ได้มันก็เท่านั้น ซึ่งการจบสกอร์เป็นปัญหาของสเปนในปัจจุบัน เพราะดาวซัลโวประจำทีม กลับเป็น อัลบาโร่ โมราต้า ที่ตลอดอาชีพนัดฟุตบอล ไม่เคยยิงเกมลีกได้เกิน 15 ลูกเลย

เกมนี้ทางสเปนครองบอลอยู่ฝ่ายเดียว จนแทบจะเอาบอลกลับไปเล่นที่โรงแรม แถมยังสร้างสรรค์โอกาสทำประตูได้มากมาย เกือบ 20 ครั้ง แต่กลับไม่สามารถเปลี่ยนเป็นสกอร์ได้แม้แต่ครั้งเดียว

จะบอกว่ากองหลังของ สวีเดน เล่นดีแล้วก็คงใช่ เพราะถือว่าช่วยทีมไว้ได้เยอะอยู่เหมือนกัน ทั้ง ลินเดอเลิฟ นิววิดิช ทั้งพี่โล้น ที่ช่วยเคลียลูกกลางอากาศไว้ทั้งเกม แต่จังหวะแจกโชคก็มีครับ ต้องขอบคุณทาง โมราต้า ที่ยิงเหมือนเคลียบอลทิ้งให้นั่นแหละ

ด้าน สวีเดน ก็ไม่ใช่ไม่มีตีน พวกเค้ายังมีโอกาสสวน และฉวยจังหวะได้หลายๆ ครั้ง โดยเฉพาะ อเล็กซานเดอร์ อิซาค ที่เล่น เปา ตอร์เรส ทั้งเกมจนเสียราคาไปหลายล้านเลย จนแล้วจนรวด จบเกมก็ไม่มีใครทำอะไรกันได้ จบกันไป 0-0 แบบไม่น่าเชื่อ

สรุปสถานการณ์ ฟุตบอลยูโร 2020 วันที่สี่

เริ่มจากกลุ่มดี อังกฤษ ที่ชนะไปเมื่อวันก่อนน่าจะลอยตัวแล้ว หลังเอาชนะ โครเอเชีย ไปแบบเฉียดฉิว อีกสองเกมที่เหลือถือว่าชิล ด้านเช็ก ที่เอาชนะได้เช่นกันในนัดแรก สถานการณ์ยังคงไม่มีอะไรแน่นอน เพราะพวกเค้าต้องเจอกับ อังกฤษ และ โครเอเชีย ในสองเกมที่เหลือ โอกาสแพ้รวดตกรอบยังไม่ใช่ว่าไม่มี

ส่วนอีกสองทีมที่แพ้มาในนัดแรก อย่าง โครเอเชีย และ สกอตแลนด์ ต้องบอกว่า สกอตแลนด์ งานหยาบสุดๆ ยิ่งพวกเค้าต้องเจอกับ อังกฤษ ก่อนไปเจอกับ โครเอเชีย ในนัดสุดท้าย โอกาสจบ 0 แต้มมีค่อนข้างสูง เพราะหากสลับกัน ถ้าได้เจอทีมที่เข้ารอบไปแล้วในนัดสุดท้าย อาจจะยังพอให้คู่แข่งเพลามือลงบ้าง แต่ดันเจอโครแอตที่ต้องลุ้นเข้ารอบถึงนัดสุดท้าย พูดได้เลยว่า GG

สำหรับกลุ่มอี กลุ่มนี้โอกาสยังเปิดกว้างทั้งหมด ทั้งทีมที่จะไปต่อทั้งสองทีม รวมถึงทีมที่จะตกรอบและลุ้นอันดับ 3 ที่ดีที่สุด เพราะทีมที่คว้าสามแต้มได้ทีมเดียวในนัดแรก กลับเป็นทีมที่ดูแล้วอ่อนที่สุดในกลุ่มอย่าง สโลวาเกีย เสียอย่างนั้น พูดได้เต็มปากเลยว่ากลุ่มนี้จะต้องวัดกันจนถึงนัดสุดท้ายแน่อน

แต่โอกาสยังเป็นทาง สเปน และ สวีเดน ที่เสมอกันมาในนัดแรก นอกเสียจากจะมีใครไปเสียท่าให้กับ สโลวาเกีย ในนัดที่เหลือ อย่างนั้นจะเป็นการส่ง สโลวาเกีย เข้ารอบไม่ที่ใดก็ที่นึง ส่วนตัวเองนั้นอาจจะต้องบอกลา ยูโร 2020 ที่มาแข่งในปี 2021 ได้เลยเหมือนกัน ดังนั้นขอให้จับตาสถานการณ์ของคู่นี้ไว้ มั่นใจได้เลยว่าจะต้องวัดกันจนนัดสุดท้ายแน่ๆ

แฟนบอลโปรไลเซนส์

By KICKOFF

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *