บอลยูโร วันที่สาม

พบกับบทความ เก่งหลังเกม กันเช่นเคย วันนี้ไปดู บอลยูโร วันที่สาม ซึ่ง ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2020 นั้น ลงแข่งขันกันทั้งหมด 3 คู่ แบ่งเป็นกลุ่ม ซี 2 คู่ คู่ระหว่าง ออสเตรีย พบ มาร์ซิโดเนียเหนือ และคู่ใหญ่อย่าง ฮอลแลนด์ พบ ยูเครน ส่วนอีกคู่ในกลุ่ม ดี นั้น เป็นเกมคู่ไฮไลท์ตอนหัวค่ำ ระหว่างขวัญใจชาวไทย อังกฤษ พบกับ โครเอเชีย

ซึ่งผลจะเป็นยังไง และสถานการณ์ของแต่ละกลุ่มเป็นแบบไหน ทางทีมงาน Kickoff88 จะนำทุกท่านไปรับชมพร้อมๆ กัน เช่นเคย

วิเคราะห์ฟุตบอล บอลยูโร วันที่สาม กลุ่มซี และ กลุ่มดี

1. อังกฤษ พบ โครเอเชีย

เริ่มกันที่คู่ 20.00 นาฬิกา กันก่อน เกมนี้ทาง แกเร็ธ เซาธ์เกต ส่งแบ็คขวาลงสองคน โดยตัดสินใจส่ง คีแรน ทริปเปีย ไปเล่นตำแหน่งแบ็คซ้าย โดยให้เหตุผลว่า ประสบการณ์เยอะ ทั้งๆ ที่มีทั้ง ลุค ชอว์ และ เบน ชิลเวลล์ สองแบ็คซ้ายฟอร์มแรงอยู่ทั้งคน

ส่วนในตำแหน่งกองกลาง ส่งสามกองกลางที่ไม่มีประสบการณ์ในรายการเมเจอร์ ทั้ง คาลวิน ฟิลลิปส์, เดแคลน ไรซ์ และ เมสัน เมาท์ ซึ่งหลายหลังพอเข้าใจได้ เพราะเพิ่งคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก กับต้นสังกัดมา

แต่ที่น่าชมเป็นพิเศษคือในรายของ ฟิลลิปส์ เพราะเจ้าตัวเป็นคีย์แมนสำคัญ คอยวิ่งขึ้นในยามบุก คอยไล่ปะทะยามต้องเล่นเกมรับ ซึ่งต่างกับ ไรซ์ ที่เน้นปักหลักอยู่หน้ากองหลัง ตรงนี้ทีมชาติอังกฤษต้องขอบคุณ มาร์เซโล บิเอลซ่า กุนซือของ ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่ปั้นลูกศิษย์ของเค้าให้วิ่งไม่มีหมด ตามสไตล์การคุมทีมของตัวเอง

ซึ่งอังกฤษมีโอกาสทำประตูได้เยอะในช่วงแรก แต่กว่าจะมาได้ประตูขึ้นนำจาก ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ก็ต้องรอถึงในช่วงครึ่งหลัง เพราะช่วงแรกนั้นยิงทิ้งยิงขว้าง ติดนั่นติดนี่กันไปหมด และนั่นก็เป็นประตูเดียวที่เกิดขึ้นในเกมนี้อีกด้วย

ซึ่งต้องบอกว่า ด้วยเกมนี้คู่แข่งเป็น โครเอเชีย ที่ตัวหลักของพวกเค้าเข้าสู่ช่วงสูงวัยกันหมดแล้ว บวกกับเกมรุกที่ไม่มีใครน่ากลัวเท่าไหร่ เลยอาศัยสถานการณ์ที่ใช้เรื่องการวิ่งเข้าสู่ หมดปัญญาที่ ลูก้า โมดริช จะแบกทีมให้กับ ตราหมากรุก แล้ว

น่าสนใจว่าถ้าหากเข้ารอบลึกๆ ไปเจอทีมแข็งๆ แล้วฝั่ง ทรีไลออนส์ ยังทำได้แค่นี้ จะไปสู้ใครเขาได้ เพราะต้องยอมรับตามตรงว่าทีมเต็งๆ ทีมอื่นๆ ผู้เล่นของเขาไม่ใช่อยู่ในช่วงอายุแบบ โครเอเชีย แล้วหากยังจัดตัวแปลกๆ เช่นซื้อใจ สเตอร์ลิ่ง ที่ฟอร์มบู่ในช่วงหลังลงเล่นเป็นตัวจริง ก่อน ชานโช่ หรือ เกรียลิช จะยังได้ผลเหมือนเกมนี้รึเปล่า

2. ออสเตรีย พบ มาร์ซิโดเนียเหนือ

ต่อกันที่คู่ 23.00 นาฬิกา ก่อนเกมต้องบอกว่าทาง มาร์ซิโดเนียเหนือ เป็นรองอยู่พอสมควร และในเกมก็เป็นอย่างที่คาด เพราะทาง ออสเตรีย นั้นได้เปรียบในทุกมิติ ก่อนที่จะออกนำไปได้อย่างรวดเร็ว ในนาทีที่ 18 จากการเติมขึ้นมาของวิงแบ็คขวาอย่าง สเตฟาน ไลเนอร์

หลังจากนั้นไม่นาน ทาง มาร์ซิโดเนียเหนือ มาตีเสมอได้จากจังหวะส้มหล่น ติดๆ กัน 2-3 จังหวะ โดยเป็น โกรัน ปานเดฟ กัปตันทีมวัยดึก ที่ยังคงแบกทีมชาติของเขาไว้บนบ่าต่อไป

เวลาที่เหลือก็เล่นกันค่อนข้างอึดอัด เพราะทาง ออสเตรีย เอง ค่อยข้างมีปัญหาในแนวรุก ที่ไม่ค่อยอันตรายเท่าไหร่ อาศัยการครอสจากด้านข้างซะเป็นส่วนใหญ่ ส่วนทาง มาร์ซิโดเนียเหนือ เองก็เล่นเหมือนไม่เอาอะไรมาก ต้องมาตั้งรับรอจังหวะสวนกลับอย่างเดียว

ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนตัวสำรองในตำแหน่งคู่กองหน้า โดยเป็นทาง มิชาเอล เกรกอริทซ์ และ มาร์โก อาร์เนาโตวิซ ลงมาเล่นแทนในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย และทั้งคู่ก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ ทั้งคู่ทำประตูให้ ออสเตรีย เอาชนะไป 3-1

ซึ่งประตูที่สองที่ได้จาก เกรกอริทซ์ ก็มาจากการครอสที่พยายามกันอยู่นานสองนาน ส่วนลูกสุดท้ายของ อาร์เนาโตวิซ ก็ต้องบอกว่าส้มหล่นเช่นกัน เรียกว่าถ้าเข้าไปเจอ อังกฤษ นี่เสร็จเลยสำหรับ ออสเตรีย เพราะปีนี้ทาง อังกฤษ นั้นเตรียมมารับมือกับการโดนเจาะริมเส้นเป็นพิเศษ (555 ขอแซวข้ามกลุ่มนิดนึง)

3. ฮอลแลนด์ พบ ยูเครน

คู่สุดท้ายตอน 02.00 นาฬิกา ถือว่าผิดคาดนิดนึงสำหรับข้าพเจ้า เนื่องจากก่อนเกมมองว่าจะยิงกันน้อย เพราะแนวรุกของทั้งคู่จืดด้วยกันทั้งคู่เลย แต่ผิดคาดครับ เพราะเกมนี้ยิงกันถึง 5 ประตู ตามเนื้อผ้าทาง ฮอลแลนด์ ได้เปรียบอยู่แล้ว เนื่องจากตัวผู้เล่นนั้นดีกว่า แถมเกมนี้ยังได้เล่นในบ้านอีก

พวกเค้ามาในระบบเซ็นเตอร์แบ็คสามคน ที่ได้พยายามทดลองมาก่อนหน้านี้ซักพักแล้ว แต่เกมนี้จะไม่มีทั้ง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ที่เจ็บยาว กับ มัทไธส์ เดอ ลิกท์ คู่เซ็นเตอร์ตัวจริงของทีมทั้งคู่ ซึ่งทาง แฟรงค์ เดอ บัวร์ ตัดสินใจมองข้าม นาธาน อาเก้ แล้วส่ง เยอร์เรียน ทิมเบอร์ กับ ดาลีย์ บลินด์ ลงขนาบข้าง สเตฟาน เดอ ฟราย

ครึ่งแรกนั้นทาง ฮอลแลนด์ ครองเกมได้เป็นส่วนใหญ่ก็จริง แต่โอกาสเข้าทำจั๋งๆ มีน้อยมาก ซึ่งคนที่น่าจะสนุกที่สุดก็เห็นจะเป็น เดนเซล ดัมฟรี่ส์ ที่เล่นเอาซะนึกว่าเป็นกองหน้าฝั่งขวา แต่สุดท้ายก็จบครึ่งแรก ด้วยการเสมอกันไปแบบจืดๆ 0-0

ก่อนที่ครึ่งหลัง ทัพอัศวินสีส้มจะมาขึ้นนำจากจังหวะ อาจจะเรียกได้ว่าส้มหล่นก็ได้ จาก ไวจ์นัลดุม ซึ่งยังไงก็ต้องชมว่าแข้งป้ายแดงของ เปแอสเช ยิงได้ดีจริงๆ ผิดกับตอนเล่นให้ ลิเวอร์พูล จังหวะยิงให้เต็มเท้ายังไม่ค่อยได้เห็นกันเลย เรียกว่าต้องเล่นให้กับทีมชาติเท่านั้นถึงง้างเท้าได้

อีกไม่กี่นาทีต่อมาก็ขึ้นนำเป็น 2-0 จากจังหวะลูกขลุกขลิก เด้งมาเข้าเท้า คราวนี้เป็น วูท เว็กฮอร์สท์ ยิงเข้าไป ซึ่งเป็นประตูที่สองในนามทีมชาติ ต่อจากลูกแรกที่ยิงไปเมื่อเกมอุ่นเครื่องอาทิตย์ก่อน อย่างไรก็ตามทาง ยูเครน มาตีเสมอได้ จากลูกยิงสุดสวยของ อังเดรย์ ยาร์โมเลนโก้ และ ลูกโหม่งของ โรมัน ยาเรมชุก

ตรงนี้แสดงให้เห็นเลยว่า ฮอลแลนด์ มีปัญหาจากการขาดคนสั่งการในแนวรับ เพราะเป็นการประกบตัวผิดพลาดทั้งสองจังหวะ ดีที่สุดท้าย พวกเค้ามาได้ประตูชัยจากลูกโหม่งของ ดัมฟรี่ส์ หลังจากที่พยายามเติมเกมบุกอยู่นานสองนาน ถ้า เชลซี มี มาร์กอส อลอนโซ่ ฉันใด ฮอลแลนด์ ก็มี ดัมฟรี่ส์ ฉันนั้นครับ

สรุปสถานการณ์ ฟุตบอลยูโร 2020 วันที่สาม

เริ่มกันจากกลุ่มซี กันก่อน การได้เห็นผลแพ้-ชนะ ทั้งสองคู่ ทำให้เราเห็นทีมที่จะเข้ารอบได้ง่ายขึ้น เชื่อว่าทาง ออสเตรีย และ ฮอลแลนด์ ที่ประเดิมสามแต้มได้ในนัดแรก จะสามารถผ่านเข้าได้อย่างแน่นอน ยิ่งทั้งคู่เจอกันในโปรแกรมนัดต่อไป หากใครชนะจะเข้ารอบทันที แต่หากจบลงด้วยผลเสมอ โอกาสจูงมือกันเข้ารอบก็มีสูง

ส่วนทีมที่แพ้ทั้งคู่อย่าง ยูเครน กับ มาร์ซิโดเนียเหนือ ต้องมาตัดสินชะตากรรมในนัดที่สองเลย หากใครแพ้โอกาสจบบ๊วยค่อนข้างสูง หากเสมอ อาจจะพากันลงนรกทั้งคู่ ซึ่งทางโอกาสที่ทาง มาร์ซิโดเนียเหนือ จะร่วงก็มีเยอะ เพราะนัดสุดท้ายต้องเจอกับฮอลแลนด์อีก อย่างไรก็ตาม การที่พวกเค้าผ่านมาเล่นรอบสุดท้ายได้ ก็ถือว่าเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่แล้วครับ

ด้านกลุ่มดี ที่ลงเล่นไปเพียงเกมเดียว อังกฤษยิ้มร่าแน่นอน เพราะคว้าสามแต้มจากคู่แข่งสำคัญอย่าง โครเอเชีย สำหรับทาง โครแอต โอกาสเข้ารอบของพวกเค้ายังเปิดกว้าง เพราะคุณภาพนั้นยังเหนือกว่าสองทีมที่เหลือ มองว่า อังกฤษ น่าจะมีการสลับผู้เล่นลง เพื่อรักษาความฟิตของนักเตะให้ได้มากที่สุด ด้วยพวกเค้ามองเกมยาว หวังถึงแชมป์ในรายการนี้

ซึ่งโปรแกรมอีกนัดระหว่าง สกอตแลนด์ กับ เช็ก จะแข่งขันกันในวันนี้ หากมีผลแพ้ชนะ ใครแพ้โอกาสร่วงค่อนข้างเยอะ เพราะสองเกมที่เหลือจะเจอกับโปรแกรมสุดหิน ด้วยสไตล์บวกกับสถานการณ์ เชื่อว่าเกมนี้น่าจะเล่นกันแบบระวังสุดๆ ยิ่งทั้งคู่เพิ่งเจอกันมาใน เนชั่นส์ลีก ทำให้น่าจะรู้แกวกันดีเป็นพิเศษครับ

แฟนบอลโปรไลเซนส์

By KICKOFF

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *