เก่งหลังเกม วิเคราะห์ฟุตบอลยูโร วันที่สอง

วันนี้จะพาเพื่อนๆ มาวิเคราะห์ บอลยูโร วันที่สอง โดยวันนี้ต่อเนื่องจากเมื่อวาน จะพูดถึง ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2020 รอบสุดท้าย ซึ่งแข่งขันกันไปเมื่อคืน เป็นวันที่สองครับ ซึ่งได้มีการลงแข่งขันกันอีก 3 คู่ แบ่งเป็นกลุ่มเอ 1 คู่ คู่ระหว่าง เวลส์ พบ สวิตเซอร์แลนด์ และกลุ่มบี อีก 2 คู่ คู่ระหว่าง เดนมาร์ก พบ ฟินแลนด์ และ เบลเยี่ยม พบ รัสเซีย

ซึ่งทีมงาน kickoff88 จะมาชวนเพื่อนๆ คุยกัน สำหรับฟุตบอลที่แข่งกันทั้งสามคู่เมื่อคืน พร้อมกับบท วิเคราะห์บอล หลังเกม พร้อมอัพเดทสถานการณ์ ของทั้งสองกลุ่ม ไปพร้อมๆ กัน เพื่อไม่ให้เสียเวลา ไปลุยกันเลย

วิเคราะห์ฟุตบอล บอลยูโร วันที่สอง กลุ่มเอ และ กลุ่มบี

1. เวลส์ พบ สวิตเซอร์แลนด์

เริ่มกันที่คู่แรก ที่แข่งขันกันตอน 2 ทุ่ม ตามเวลาบ้านเรา ก่อนเกมทาง สวิตเซอร์แลนด์ เป็นต่อค่อนข้างเยอะ ซึ่งถึงเวลาแข่งจริงก็ตามนั้น พวกเค้าครองเกมได้เหนือกว่าชัดเจนในครึ่งแรก แต่กองหน้าทำได้ค่อนข้างน่าผิดหวัง โดยเฉพาะ แฮริส เซเฟโรวิช ศูนย์หน้าวัย 29 ของ เบนฟิก้า

ก่อนที่พวกเค้าจะมาได้ประตูขึ้นนำในช่วงต้นครึ่งหลังจากการเปิดมุมของ “บิ๊กแช็คเซอร์ดาน ชากิรี่ เข้ามาให้ บรีล เอ็มโบโล่ โหม่งจ่อๆ ซึ่งต้องยอมรับตามตรงว่าลูกนี้แบ็คขวาของ เวลส์ อย่าง คอนเนอร์ โรเบิร์ต ประกบพลาด แถมเสียเหลี่ยมให้กับ เอ็มโบโล่ เต็มๆ เรียกได้ว่าพลาดเต็มๆ

ซึ่งก็ต้องชมทาง เอ็มโบโล่ ที่ป่วนแนวรับของ เวลส์ ได้ค่อนข้างเยอะ ผิดกับคู่หูรุ่นพี่อย่าง เซเฟโรวิช แต่หลังจากนั้นไม่รู้อะไรเข้าฝันทาง วลาดิเมียร์ เพ็คโควิช ดันไปเปลี่ยนตัว ชากิรี่ ออกได้ หลังจากนั้นก็หนังชีวิต กลายเป็น เวลส์ ตั้งเกมบุกใส่อยู่ฝ่ายเดียว เกมรุกของ สวิตเซอร์แลนด์ หลังส่ง เดนิส ซากาเรีย ลงมาแทน ชากิรี่ ดูจะเชื่อมเกมจากกลางไปหน้าไม่ได้เลย

สุดท้ายทาง มังกรแดง ก็มาตีเสมอได้จากลูกเตะมุมเช่นกัน โดยเป็น คีเฟอร์ มัวร์ ขึ้นโหม่งเหน่งๆ บอลไม่แรงแต่ทิศทางดี ทำให้แฟนบอลของ เวลส์ เฮกันยกใหญ่ ซึ่งพวกเค้าเกือบจะน้ำตาตก เนื่องจากช่วงท้ายเกม ตัวสำรองของ สวิตเซอร์แลนด์ อย่าง มาริโอ กาฟราโนวิช มาตวัดบอลเข้าประตูไป แต่สุดท้าย โดน VAR ยึดคืน เนื่องจากล้ำหน้าอยู่เล็กน้อย จบเกมเสมอกันไป 1-1

2. เดนมาร์ก พบ ฟินแลนด์

คู่นี้แข่งขันกันในเวลา 5 ทุ่ม บ้านเรา เกมนี้ทาง เดนมาร์ก เป็นต่อค่อนข้างเยอะมาก ซึ่งแข่งจริงแทบจะเอาบอลไปเล่นอยู่คนเดียว แต่ปัญหาคือพวกเค้าจบสกอร์ไม่ได้ เนื่องด้วยทัพ โคนม รอบนี้มีทุกอย่างยกเว้นคนจบสกอร์เฉียบๆ ถ้าไปยืมกองหน้าของ ฟินแลนด์ อย่าง ตีมู ปุกกี้ มาได้นี่จะเยี่ยมมากๆ

แต่ก่อนจบครึ่งแรกมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน คริสเตียน อิริคเซ่น จอมทัพของ เดนมาร์ก หัวใจหยุดเต้น ล้มลงในสนาม จนเจ้าหน้าที่ต้องทำการปั้มหัวใจ ซึ่งก็ตรงนี้ก็ต้องชมทั้งเพื่อนร่วมทีมอย่าง ซิมง เคียร์ ที่ทำการปฐมพยาบาลเบื้องตัว รวมถึงเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ จนเจ้าตัวกลับมามีสติก่อนนำส่งโรงพยาบาลทันที

ทั้งสองทีมได้ขอกลับมาแข่งต่อครึ่งหลัง ในเวลา 01.30 นาฬิกา ตามเวลาประเทศไทย เล่นไปเล่นมาทาง ฟินแลนด์ มาขึ้นนำเฉยเลย จาก โจเอล โปห์จานปาโล่ ที่วิ่งตัดหน้า โยอาคิม มาเอห์เล่ ที่กำลังเหม่อ เข้าไปโหม่งจ่อๆ ทำให้ แคสเปอร์ ชไมเคิล ปัดไม่พ้นจริงๆ

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่านั่นเป็นเพียงจังหวะเดียวในเกมที่ ฟินแลนด์ สร้างสรรค์โอกาสได้ และนำพาพวกเค้าเก็บสามแต้มมาได้แบบมึนๆ เพราะตลอดเวลาที่เหลือ ทาง เดนมาร์ก ไม่สามารถทำประตูตีเสมอได้ แม้จะได้โอกาสมากมาย รวมถึงจุดโทษ แต่ทาง ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก ยิงไม่เข้าเสียอย่างนั้น

3. เบลเยี่ยม พบ รัสเซีย

คู่สุดท้ายเตะกันตอนตี 2 เวลาไทย คู่นี้ก็ต้องเรียนกันตามตรง จากจากชื่อชั้นและคุณภาพ ทาง เบลเยี่ยม เหนือกว่าพอสมควร เพราะในปัจจุบัน พวกเค้าคือนัมเบอร์วันของ ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง แถมนักเตะแต่ละราย ยังเป็นตัวหลักให้กับพี่เบิ้มของยุโรป ต่อให้เกมนี้จะขาด เควิน เดอ บรอยน์ ที่เจ็บตามาตั้งแต่รอบชิง ยูซีแอล รวมถึงร่างกายของ เอแดน อาซาร์ ก็ไม่เต็ม 100 ก็ตาม

แต่ถึงเวลาแข่งจริงก็ไม่มีอะไรพลิกจากที่คาด ขุนพลของ เบลเยี่ยม เป็นฝ่ายตั้งเกมบุกใส่อยู่ฝ่ายเดียว ทั้งเกมปล่อยทาง รัสเซีย มีโอกาสหืออือ เพียงไม่กี่จังหวะ ซึ่งในครึ่งแรกฝั่ง เบลเยี่ยม ขึ้นนำไปก่อน 2-0 จาก โรเมลู ลูกากู และ โตมาส์ มูนิเยร์ ก่อนที่ ลูกากู จะมาบวกสกอร์อีกลูกนึงในช่วงท้ายเกม จบเกม เบลเยี่ยม ชนะ 3-0 เก็บสามแต้มแรกสบายๆ

เกมนี้มีเรื่องน่าประทับใจเกิดขึ้นตอน ลูกากู ยิงลูกแรกได้ เจ้าตัววิ่งมาดีใจที่หน้ากล้องแล้วบอกให้กำลังใจกับเพื่อนร่วมสโมสร เพื่อนร่วมโลก และเพื่อนนักฟุตบอลอย่าง อิริคเซ่น ผ่านการถ่ายทอดสดว่า “คริส…คริส รักนายหวะ” เรียกได้ว่าเป็นโมเมนที่น่าประทับใจสุดๆ

ส่วนที่เมืองไทยก็มี กูรูฟุตบอล หน้าแหกไปหลายราย ที่แนะนำให้คู่นี้อยู่รัสเซีย เพราะไม่รู้เอาอะไรมาพูด ดูจากคุณภาพของ รัสเซีย ในปัจจุบัน ค่อนห่างจากไกลจากอดีต ผู้เล่นเกือบทุกรายเล่นอยู่ในประเทศ ผิดกับ เบลเยี่ยม ที่อุดมไปด้วยยอดนักเตะในจุดพีค แถมสถาปนาตัวเองเป็น เบอร์ 1 ของโลก จากคะแนนของฟีฟ่าเอง

สรุปสถานการณ์ ฟุตบอลยูโร 2020 วันที่สอง

เริ่มจากกลุ่มเอ ทีมที่ลำบากเป็นทาง ตุรกี ที่เป็นทีมเดียวที่แพ้ในนัดแรก แถมเสียไปถึง 3 ลูก ส่วนทาง เวลส์ กับ สวิตเซอร์แลนด์ ที่เสมอกันก็ไม่ได้เสียดาย เพราะเต็งหนึ่งของกลุ่มอย่าง อิตาลี หลังนัดแรกเก็บสามแต้มได้ เริ่มลอยตัวแล้ว หากสองเกมหลังเสมอทั้งสองนัดก็ไม่เสียหายหนัก ผิดกับทาง ตุรกี ที่หากแพ้อีกเกมเดียว แทบจะพับกระเป๋ากลับบ้านได้เลย

เพราะอย่าลืมปัจจัยสำคัญในฟุตบอลทัวร์นาเม้นต์ ความฟิต และสภาพร่างกายของนักเตะ เป็นสิ่งที่อาจจะสำคัญกว่าแท็คติกการเล่นด้วยซ้ำ ยิ่งในรอบลึกๆ ยิ่งมีผลหนัก เชื่อว่าทาง อิตาลี น่าจะมีการผ่อนคันเร่งลง อาจจะมีการสลับผู้เล่นในบางตำแหน่ง รวมถึงไม่ใส่สุด เร่งเกมเพื่อตุนสกอร์ไว้เยอะๆ ดังนั้นมองว่ากลุ่มนี้ อิตาลี น่าจะชิลสุด ส่วนอันดับอื่นๆ ยังเปิดกว้าง

ต่อกันที่กลุ่มบี เกมนี้ เดนมาร์ก ที่แพ้ ฟินแลนด์ ถือว่าเสียหายมาก แต่ใจนึงก็อาจจะเป็นเพราะเสียขวัญจากเรื่องของ อิริคเซ่น ส่วนเต็งแชมป์กลุ่มอย่าง เบลเยี่ยม ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เชื่อว่าพวกเค้าน่าจะเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มชัวร์ๆ แต่เกมหลังๆ อาจจะไม่ได้ยิงเยอะขนาดนัดนี้

ซึ่งโปรแกรมนัดหน้า ทาง โคนม จะต้องเจอกับ เบลเยี่ยม เรียกได้ว่างานงอกสุดๆ โดยนัดหน้าโปรแกรมกลุ่มบีนั้นจะแข่งคนละวัน อาจจะต้องลุ้นให้คู่ของ ฟินแลนด์ กับ รัสเซีย จบลงด้วยผลแพ้ ชนะ ของทีมใดทีมนึง ไม่งั้นถ้าพวกเค้าแพ้เบลเยี่ยม นัดสุดท้ายที่จะเจอกับ รัสเซีย ชัยชนะอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ

แฟนบอลโปรไลเซนส์

By KICKOFF

One thought on “บอลยูโร วันที่สอง : วิเคราะห์สถานการณ์ ฟุตบอลยูโร : เก่งหลังเกม by แฟนบอลโปรไลเซนส์”

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *