บอลยูโร วันที่หก

เก่งหลังเกม ยังอยู่กับ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2020 เช่นเคย โดยวันนี้จะพาเพื่อนๆ ไปดู บอลยูโร วันที่หก กันครับ ว่าฟุตบอลที่ลงแข่งกันเมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้าง โดยเมื่อคืนนั้นจะเป็นเกมในกลุ่มเอ 2 คู่ คู่ระหว่าง ตุรกี พบ เวลส์ กับ อิตาลี พบ สวิตเซอร์แลนด์ และกลุ่มบี 1 คู่ คู่ระหว่าง รัสเซีย พบ ฟินแลนด์

วันนี้ทีมงาน kickoff88 จะมาชวนเพื่อนๆ คุย พร้อมกับ วิเคราะห์ฟุตบอล ทั้ง 3 คู่ ไปพลางๆ ว่าเกมเมื่อคืนนั้น เกิดอะไรขึ้นบ้าง ผลของฟุตบอลทั้ง 3 คู่เป็นอย่างไร และสถานการณ์ของแต่ละกลุ่มไปถึงขั้นไหนแล้ว

วิเคราะห์ฟุตบอล บอลยูโร วันที่หก กลุ่มเอ และ กลุ่มบี

1. รัสเซีย พบ ฟินแลนด์

เริ่มกันที่เกมกลุ่มบี คู่ตอน 20.00 นาฬิกา กันก่อน เกมนี้ทางฝั่ง รัสเซีย ที่ได้เล่นในบ้าน ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเพราะแพ้ในนัดเปิดสนามต่อ เบลเยี่ยม 0-3 ส่วน ฟินแลนด์ ถือว่าค่อนข้างช็อค เพราะพวกเค้าบุกชนะ เดนมาร์ก ถึงถิ่น 1-0 ซึ่งอาจจะมาจากเหตุการณ์ของ อิริคเซ่น ที่บั่นทอนขวัญและกำลังใจของทัพ โคนม ไปมากประมาณนึง

เกมนี้ตามหน้าสื่อ ทาง รัสเซีย เหนือกว่าเล็กน้อย โดยพวกเค้าพยายามต่อบอลกันตั้งแต่หน้าประตู จนมาโดนตัดบอลถึงขั้นเสียประตู ยังดีที่ VAR ช่วยพวกเค้าไว้ ไม่งั้นเกมนี้ได้เหนื่อยทั้งเกมแน่นอน

ซึ่งในเกมนี้ ทาง รัสเซีย ก็ถือว่ายังทำได้ดีกว่าพอสมควร จนแทบจะพับสนามเล่น แต่การที่จะได้ประตูขึ้นนำนั้นก็ยากซะเหลือเกิน เพราะยิงทิ้งยิงขว้างกันเอง แถมโดนสวนเกือบหายหลายรอบ ก่อนที่จะได้ประตูขึ้นนำจาก อเล็กเซ มิรันชุค ที่ปั่นโค้งๆ เข้าไปอย่างสวยงาม ในช่วงทดเจ็บครึ่งแรก

ด้านครึ่งหลังนั้น เกมเปิดมากขึ้น เนื่องจาก ฟินแลนด์ ต้องการประตูคืน ส่วนทาง รัสเซีย ก็อยากยิงเพิ่ม เนื่องจากประตูได้เสียติดลบอยู่เยอะ จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครทำประตูเพิ่มได้ เนื่องจากยิงกันได้ห่วยบรม จนน่าจะตกรอบทั้งคู่ จบเกม รัสเซีย คว้าสามแต้มเพิ่ม ทำให้ต้องลุ้นกันต่อในนัดสุดท้าย

2. ตุรกี พบ เวลส์

ก่อนเกมนั้น สถานการณ์ของ ตุรกี เป็นรองอยู่ เนื่องจากพวกเค้าเป็นทีมเดียวในกลุ่มที่ไม่มีคะแนน หากแพ้ในนัดนี้หมดสิทธิ์จบ 2 อันดับแรกทันที ทำให้เกมนี้พวกเค้าไม่มีทางเลือก ต้องเปิดเกมรุกเข้าใส่สถานเดียว แล้วนั่นค่อนข้างจะเข้าทาง เวลส์ ที่ต้องการเล่นเกมสวนกลับอยู่แล้ว

เริ่มเกมมาเป็นอย่างนั้นทันที เวลส์ อาศัยความเร็วในการโจมตี ปล่อยให้ ตุรกี ครองบอลเปิดเกมรุกเข้าใส่เต็มที่ และสุดท้ายก็มาได้ประตูขึ้นนำในช่วงท้ายครึ่งแรก จากจังหวะฉวยเล่น โดยเป็นทาง แกเร็ธ เบล หลอดบอลข้ามกองหลัง ให้ อารอน แรมซี่ย์ เข้าไปยิงจ่อๆ ขึ้นนำได้ในช่วงเวลาสำคัญ

ครึ่งหลัง เวลส์ มีโอกาสนำห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ เบล โดยสกัดล้มลงในเขตโทษ แต่หากดูภาพช้าจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า ปีกพญาวานร ตั้งใจลากขาล้มใส่ทาง เซคิ เซลิค แต่เหมือนกรรมตามทัน เพราะ ปีกโปรกอล์ฟ ยิงเหินข้ามคานออกไปไกล

เวลาที่เหลือทาง ตุรกี ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำประตูคืนเท่านั้น แต่ก็ไม่สามารถทวงประตูคืนกลับมาได้ แถมยังมาเสียอีกหนึ่งประตูในช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย จากจังหวะที่ เบล ใช้ความเร็วลากแหวกของหลังของ ตุรกี ทางฝั่งขวา แล้วตบเข้ามาให้ คอนเนอร์ โรเบิร์ตส์ ยิงตบเข้าไปนิ่มๆ

จบเกมเป็นทาง เวลส์ เอาชนะไปได้ 2-0 ทำให้ตุรกี หมดโอกาสจบสองอันดับแรก มีลุ้นเพียงอันดับ 3 จากการที่ยังไม่มีเลยซักคะแนน ส่วนทัพมังกรแดง หากเกมหน้าเสมอกับ อิตาลี ไม่ต้องลุ้นผลอีกคู่ กอดคอกันเข้ารอบทันที ยิ่งหากเซอไพรส์ชนะ อิตาลี จะแซงเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มทันที

3. อิตาลี พบ สวิตเซอร์แลนด์

คู่สุดท้ายนั้น เตะกันที่อิตาลี โดยทางเจ้าบ้านที่คว้าชัยมาในเกมแรก หากชนะเกมนี้จะเข้ารอบทันที ส่วนทีมเยือนนั้นมีแต้มเดียว จากการเสมอกับ เวลส์ หากเกมนี้ไม่สามแต้ม จะต้องไปวัดในเกมสุดท้ายเอาครับ

เกมนี้รูปเกมถือว่าค่อนข้างสูสีกัน โดยทั้งคู่ถือว่าเป็นทีมระดับหัวแถวของยุโรป แม้ทาง อิตาลี จะชื่อชั้นดีกว่าก็ตาม ระยะหลังพวกเค้าสลัดภาพทีมที่เน้นเล่นผล นำแล้วอุดไปโดยสิ้นเชิง พักหลังพวกเค้าชนะเกือบทุกเกมแถมยิงกันยับ ที่สำคัญคือเกมรับก็ไม่ได้ลดทอนประสิทธิภาพลงไปเลย

สุดท้ายก็เป็นทาง อัซซูรี่ ที่เอาชนะไปได้ถึง 3-0 โดยได้สองประตูแรกจาก มานูเอล โลคาเตลลี่ ซึ่งประตูแรกก็ต้องยอมรับว่าโชคช่วยนิดๆ ที่บอลมันขลุกขลิกมาเข้าทาง แต่ลูกที่สองนั้นฝีเท้าล้วนๆ ครับ ซึ่งสิ่งที่น่าชื่นชมอีกอย่างสำหรับ อิตาลี ในปัจจุบัน

คือแม้สกอร์จะนำห่างแล้ว พวกเค้าก็ยังพยายามตั้งเกมบุกเพื่อเอาประตูเพิ่ม นั่นจึงเป็นที่มาของประตูสุดท้ายจาก ชิโร่ อิมโมบิเล่ เพราะหากเป็นเมื่อก่อน เวลานำ 2 ประตู พวกเค้าคงลงไปรับกัน 11 คน แล้วค่อยๆ ต่อบอลเผาเวลาทิ้งกันแล้ว

สิ่งที่ โรแบร์โต้ มันชินี่ นำมาใส่กับ อิตาลี ชุดนี้ ไม่ใช่เพียงแผนการเล่นที่มีคุณภาพ แต่รวมไปถึงคาแรคเตอร์ของผู้ชนะที่ยอดเยี่ยม ปัจจุบันอาจจะเรียกได้ว่าฟอร์มการเล่นของพวกเค้า นำหน้าเต็งหนึ่งอย่าง ฝรั่งเศส และ อังกฤษ อยู่ก้าวนึงแล้ว

สรุปสถานการณ์ ฟุตบอลยูโร 2020 วันที่หก

เริ่มกันที่กลุ่มเอ เราได้ทีมแรกที่ผ่านเข้ารอบต่อไปแล้ว เป็นทาง อิตาลี ที่คว้าชัยสองนัดติด เข้ารอบไปก่อนเพื่อน เกมสุดท้ายขอแค่เสมอ จะการันตีแชมป์กลุ่มทันที ส่วนอันดับสองนั้นวัดกันที่ เวลส์ กับ สวิตเซอร์แลนด์ ที่มีคะแนนห่างกัน 3 แต้ม โดยแดนนาฬิกาต้องชนะ ตุรกี ในเกมสุดท้ายเท่านั้น และยังต้องลุ้นให้ เวลส์ นั้นแพ้ต่อ อิตาลี อีกด้วย

แค่นั้นยังไม่พอ ผลสกอร์ก็ยังสำคัญ เพราะ เฮดทูเฮด ของ สวิส และ เวลส์ นั้นเท่ากันจากผลเสมอ ดังนั้นต้องวัดกันที่ลูกได้เสีย แต่ลูกได้เสียของทาง เวลส์ นั้นอยู่ที่ +2 ของฝั่ง สวิตเซอร์แลนด์ -3 ดังนั้นพวกเค้าต้องหวังให้ผลสกอร์ของทั้ง 2 คู่นั้น มีผลเท่ากับ 5 ประตู จะเป็นฝั่งสวิตเซอร์แลนด์ ชนะลูกเดียว แล้วให้ทาง เวลส์ แพ้ อิตาลี 4 ลูกก็ได้ แต่ขอให้ผลรวมอยู่ที่ 5 ลูกนั่นเองครับ

ด้าน ตุรกี ที่ยังไม่มีแต้ม ยังมีหวังเข้ารอบ แต่เกมสุดท้ายต้องสามแต้มสถานเดียว แล้วไปลุ้นกลุ่มอื่นๆ ให้ตัวเองดีพออยู่ในอันดับ 3 ที่ดีที่สุด 4 อันดับแรกนั่นเอง

สำหรับกลุ่มบี ที่แข่งสองนัดไปเพียงสองทีม ผลก็คือ เบลเยี่ยม รัสเซีย และ ฟินแลนด์ มีคะแนนเท่ากันที่ 3 แต้ม มีเพียงเดนมาร์ก เท่านั้นที่ยังไม่มีซักคะแนนเดียว แต่หากเกมวันนี้ทางโคนม ทะลึ่งชนะ เบลเยี่ยม ขึ้นมาคงบันเทิงแน่นอน เพราะทั้ง 4 ทีมนั้นจะมี 3 คะแนนเท่ากันหมด

อย่างไรก็ตาม การที่แชมป์กลุ่มบี จะได้ไปเจอทีมอันดับ 3 ของกลุ่มอื่น น่าจะทำให้ปีศาจแดงแห่งยุโรป เดินหน้าฆ่าไม่ยั้งต่อไป แต่เกมต่อไปกับ เดนมาร์ก ต่อให้เสมอก็ไม่แย่ครับ เพราะอย่างไรนัดสุดท้าย หากชนะทีมที่สมควรจะชนะง่ายๆ อย่าง ฟินแลนด์ พวกเค้าก็จะการันตีการเป็นแชมป์กลุ่มทันทีเหมือนกัน

แฟนบอลโปรไลเซนส์

By KICKOFF

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *