บอลยูโร วันที่เจ็ด

พบกับบทวิเคราะห์ฟุตบอล เก่งหลังเกม กันเช่นเคย ในช่วงเวลาของ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2020 ดังนั้นพวกเราจะพาเพื่อนๆ ไปวิเคราะห์ บอลยูโร วันที่เจ็ด ซึ่งเมื่อคืนมีเกมการแข่งขันทั้งหมด 3 คู่ครับ แบ่งเป็นเกมในกลุ่มบี 1 คู่ คู่ระหว่าง เดนมาร์ก พบ เบลเยี่ยม และเกมในกลุ่มซี อีก 2 คู่ คู่ระหว่าง ยูเครน พบ มาร์ซิโดเนียเหนือ และ ฮอลแลนด์ พบ ออสเตรีย

ทีมงาน kickoff88 จะมาชวนเพื่อนๆ คุย กันเช่นเคย พร้อมกับ วิเคราะห์ฟุตบอล ทั้ง 3 คู่ ว่าเกมเมื่อคืนนั้น ผลเป็นอย่างไร รูปเกมออกมาแบบไหน และที่สำคัญคือสถานการณ์ของแต่ละกลุ่มไปถึงขั้นไหนกันบ้าง

วิเคราะห์ฟุตบอล บอลยูโร วันที่เจ็ด กลุ่มบี และ กลุ่มซี

1. ยูเครน พบ มาร์ซิโดเนียเหนือ

คู่แรกตอนหัวค่ำ ที่แข่งกันในเวลา 20.00 นาฬิกา เกมนี้เป็นการพบกันของสองทีมที่แพ้มาในนัดแรก แต่ทาง ยูเครน นั้นสภาพดูดีกว่าพอสมควร เพราะพวกเค้าแพ้ต่อตัวเต็งแชมป์กลุ่มอย่าง ฮอลแลนด์ แถมแพ้แบบสูสี ที่สำคัญคือมาโดนยิงประตูชัยในช่วงท้ายเกมอีกด้วย ผิดกับ มาร์ซิโดเนียเหนือ ที่ถือว่าแพ้ขาดเหมือนกัน แถมประตูเดียวที่ทำได้ ก็มาจากจังหวะส้มหล่นหลายจังหวะติดๆ กัน

เอาเข้าจริง เกมนี้เล่นกันได้สูสีกว่าที่คิด โดยฝั่ง ยูเครน นั้นเน้นที่จะต่อบอลเจาะเข้าทำตรงกลาง แต่หลายจังหวะนั้นติดๆ ขัดๆ ไปหน่อย เนื่องจากแนวรับของ มาร์ซิโดเนีย นั้นยืนเกาะกลุ่มช่วยกันเป็นเหมือนกำแพงสองชั้น ต่างกัน มาร์ซิโดเนีย ที่ดูจะเน้นเกมรินเส้นซะมากกว่า

สุดท้ายเป็นยูเครนมาได้ประตูขึ้นนำก่อน จากจังหวะเตะมุม ทำให้หลังจากนั้นเกมรับของ มาร์ซิโดเดีย จึงเริ่มดันสูงขึ้น จนกระทั่งมีพื้นที่ว่าง เป็นนำมาซึ่งประตูที่สองของทางยูเครน ซึ่งเป็นธรรมดาของทีมที่ซื้อใจเล่นเกมรับ หากเวลาโดนนำไปก่อน พวกเค้าจะเล่นลำบากทันที และจะมีโอกาสเสียประตูที่สองเพิ่มขึ้นด้วย

ในช่วงท้ายครึ่งแรก โกรัน ปานเดฟ หลุดไปยิงเข้าประตู แต่ VAR ช่วยเซฟไว้เพราะล้ำหน้านิดนึง หากประตูนี้ไม่โดนจับล้ำหน้าซะก่อน เชื่อว่าครึ่งหลังทาง ยูเครน น่าจะเล่นยากกว่านี้ครับ

พอเริ่มครึ่งหลังมา ทาง มาร์ซิโดเนีย เปลี่ยนมาเจาะตรงกลางมากขึ้นแล้วก็ค่อนข้างได้ผล พวกเค้ามาได้ประตูตีไข่แจก จากจังหวะซ้ำจุดโทษของตัวเอง หลังจากนั้นเหมือนทาง ยูเครน ก็รู้ตัว พยายามบีบให้ มาร์ซิโดเนีย ไปขึ้นเกมบุกด้านข้างแทน หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเพิ่มเติมครับ ผลจบลงด้วยชัยชนะของ ยูเครน 2-1

2. เดนมาร์ก พบ เบลเยี่ยม

ในคู่ 23.00 นาฬิกา ทุ่มถือว่าเป็นเกมไฮไลท์ประจำวัน เกมนี้ทาง เบลเยี่ยม ที่ชนะมาได้ในนัด ยังตัดสินใจดรอป อาซาร์ ผู้พี่ และ เควิน เดอ บรอยน์ ไว้ที่ข้างสนามเช่นเคย ส่วน เดนมาร์ก แม้พวกเค้าจะไม่มี อิริคเซ่น แต่ดูเหมือนพวกเค้ามาด้วยความมุ่งมั่นมากกว่าเดิม

เริ่มเกมมาไม่ถึงสองนาที เดนมาร์ก มาออกนำเร็วจากลูกยิงของ ยุสซุฟ โพลเซ่น เรียกว่าเป็นการท้าทายเกมรับของ เบลเยี่ยม อย่างแท้จริง ต่างจากเกมแรกที่พวกเค้าไม่ได้โดนทดสอบมากนัก ไม่แปลกที่หลายสำนัก มองว่าอันดับ 1 ฟีฟ่าแรงค์กิ้ง ไม่ใช่ตัวเต็งแรกๆ ในการคว้าแชมป์

และหลังจากนั้นทาง เดนมาร์ก ก็ยังได้ท้าทายเกมรับของ เบลเยี่ยม อยู่อีกหลายหน แต่น่าเสียดายที่จบไม่ลง เพราะพวกเค้าเล่นได้แบบมีแรงจูงใจสูงกว่า มั่นใจกว่า แม้สถานการณ์ต่างๆ จะเป็นรอง จน ลูกากู นั้นทำอะไรได้ไม่ถนัด แต่น่าเสียดายที่แดนโคนมไม่น่าสามารถบวกประตูเพิ่มได้

เริ่มครึ่งหลังมา กลายเป็นหนังคนละม้วน เมื่อ เควิน เดอ บรอยน์ ถูกเปลี่ยนในช่วงพักครึ่ง เกมรุกที่เคยงงงวยกลับกลายเป็นคนละทีม พวกเค้ามาได้ประตูตีเสมออย่างรวดเร็ว ต้องชมทั้ง ลูกากู ทั้ง เดอ บรอยน์ ที่สร้างจังหวะในเพลย์นี้ จนสามารถตีเสมอได้จากลูกยิงของ ธอร์ก็อง อาซาร์

หลังจากนั้น เดนมาร์ก นั้นเกือบมาได้จุดโทษ แต่ดันโดนจารย์จับได้แจกใบเหลืองให้กับ มิคเคล ดามสการ์ด และจังหวะต่อเนื่องหลังจากนั้นไม่นาน เบลเยี่ยม มาได้ประตูขึ้นนำจาก เดอ บรอยน์ ด้วยการยิงจากเท้าข้างที่ไม่ถนัด แถมเจ้าตัวไม่แสดงการดีใจ เพื่อเป็นการเคารพต่อแฟนบอล เดนมาร์ก อีด้วย

สุดท้ายไม่มีใครทำประตูเพิ่มได้ เบลเยี่ยมเก็บเพิ่มอีกสามแต้ม เข้ารอบทันที ซึ่งเอาจริงๆ ค่อนข้างน่าเป็นห่วงสำหรับเกมรับ ทั้งกองกลาง กองหลังนั้นไม่สามารถชะลอเกมบุกฝั่งตรงข้ามได้ซักเท่าไหร่ ดีที่ทางโคนมนั้นยิงทิ้งยิงขว้างกันซะเยอะ ไม่งั้นกลุ่มนี้อาจจะงูกินหาง มี 3 คะแนนทั้ง 4 ทีมได้ครับ

3. ฮอลแลนด์ พบ ออสเตรีย

ส่วนคู่สุดท้ายตอน 02.00 นาฬิกา ถือว่าค่อนข้างสำคัญ เพราะทั้งคู่นั้นคว้าสามแต้มมาได้ในนัดแรก หากใครชนะในเกมนี้จะการันตีการเข้ารอบทันที ยิ่งถ้าเป็นทางอัศวินสีส้ม จะการันตีการเป็นแชมป์กลุ่มทันที เพราะ เฮดทูเฮด จะดีกว่าทั้งสองทีมครับ ฝั่งฮอลแลนด์ ได้ มัทไธส์ เดอ ลิกท์ คืนทัพ ขนาบข้างด้วย สเตฟาน เดอ ฟราย และ ดาลี่ย์ บลินด์ เป็น 3 กองหลัง ที่เหลือเป็นชุดเดิมจากเกมนัดแรก

เริ่มเกมมาไม่มีใครมาอุด ทั้งสองทีมเล่นตามจังหวะของตัวเอง เกมเลยค่อนข้างเปิดและสูสี โดยจุดเปลี่ยนในเกมนี้มาเร็วมาก ในนาที 10 ฮอดแลนด์ มาได้จุดโทษจากการเติมเกมของ ดัมฟรีส์(อีกแล้ว) และเป็นทาง เมมฟิส เดอ ปาย ยิงเข้าประตูไป ประตูนี้เล่นเอา ออสเตรีย ลำบากมากขึ้น

เพราะหลังจากนั้น เกมบุกของ ฮอลแลนด์ ใช้ผู้เล่นเติมขึ้นไปน้อยมาก มีเพียง ไวจ์นัลดุม กับวิงแบ็คสองฝั่งเท่านั้น ส่วนคู่กลางอย่าง มาร์เทน เดอ รูน และ แฟรงค์กี้ เดอ ยอง แทบจะยืนปักหลักอยู่หน้า 3 เซ็นเตอร์แบ็ค ทำให้ ออสเตรีย แทบจะไม่มีโอกาสส่องประตูแบบจะๆ ด้าน ฮอลแลนด์ นั้นมีโอกาสพยายามเอาชนะกับดักลำหน้าของ ออสเตรีย อยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากเกมรับของคู่แข่งดันสูงขึ้นมาแล้ว

และสุดท้ายความพยายามก็มาสัมฤทธิ์ผล เนื่องจากออสเตรียเองก็ไม่แก้ปัญหานี้ซะที ผู้ที่เอาชนะกับดักลำหน้าของ ออสเตรีย ได้ คือเด็กหนุ่มอย่าง ดอนเยลล์ มาเลน ซึ่งอยากให้เพื่อนๆ จำชื่อเจ้าหนุ่มนี้ไว้ให้ดีๆ ความสามารถสูงยังไม่พอแถมยังใจกว้าง ยอมไม่ทำประตูแรกในรายการเมเจอร์ แต่กลับส่งให้ เดนเซล ดัมฟรีส์ ว่าที่แบ็คขวายอดเยี่ยม แปเข้าไปแบบนิ่มๆ ทำให้ทาง ฮอลแลนด์ เล่นง่ายขึ้นอีกเป็นกอง

เวลาที่เหลือไม่มีใครทำอะไรกันได้อีก ผลจบลงด้วยชัยชนะของ อัศวินสีส้ม และเป็นการผ่านเข้ารอบต่อไป ตาม อิตาลี และ เบลเยี่ยม ไปติดๆ แต่พวกเค้าได้การันตีการเป็นแชมป์กลุ่มเป็นทีมแรกของรายการ ส่วน ออสเตรีย ต้องไปวัดกัน ยูเครน ในนัดหน้าครับ

สรุปสถานการณ์ ฟุตบอลยูโร 2020 วันที่เจ็ด

เริ่มกันที่กลุ่มบี เกือบเป็นงูกินหางทั้ง 4 ทีมแล้ว ดีที่ เบลเยี่ยม นั้นแซงเอาชนะมาได้ในท้ายที่สุด ทำให้ เบลเยี่ยม นั้นตาม อิตาลี เข้ารอบต่อไปเป็นทีมที่สอง ส่วน เดนมาร์ก นั้นลำบากแล้ว หลังแข่งสองนัดไม่มีซักคะแนน เกมหน้าเจอรัสเซียต้องสามแต้มสถานเดียว แล้วยังต้องไปลุ้นผลกลุ่มอื่นด้วย

ส่วนทาง ฟินแลนด์ ที่มีสามแต้มแล้ว แถมเฮดทูเฮดยังดีกว่า รัสเซีย และ เดนมาร์ก ก็ยังสบายใจไม่ได้ เกมหน้าหาก เดนมาร์ก ชนะ รัสเซีย ขึ้นมา แล้วพวกเค้าแพ้เบลเยี่ยมเละ ก็ยังมีโอกาสตกรอบอยู่ครับ และด้วยสายสัมพันธ์พวกกำลังใจที่ทั่วโลกส่งให้ โคนม อาจจะทำให้ เบลเยี่ยม อยากจัดเต็มให้ทาง เดนมาร์ก ได้มีลุ้นเข้ารอบต่อไป

สำหรับกลุ่มซี กลายเป็นว่า ฮอลแลนด์ เป็นทีมที่สามของรายการที่เข้ารอบต่อไป แถมเป็นทีมแรกของรายการ ที่การันตีการจบตำแหน่งแชมป์กลุ่ม พวกสองเกมที่่ผานมาพวกเค้าเอาชนะ ยูเครน และ ออสเตรีย สองทีมที่มีแต้มในกลุ่ม ดังนั้นต่อให้นัดสุดท้ายแพ้ มาร์ซิโดเนียเหนือ 100 ประตูก็ไม่มีผลอะไร ส่วนทาง มาซิโดเนียเหนือ นั้นตกรอบอย่างเป็นทางการ เพราะตามอันดับ 2-3 อยู่ 3 คะแนน โดยตัวเองแพ้ เฮดทูเฮด ต่อทั้งสองทีมนั้นครับ

ส่วนทาง ยูเครน และ ออสเตรีย ที่จะเจอกันเอง วัดกันเองโดยไม่ต้องสนผลอย่างอื่น โดยทั้งคู่นั้นมีผลต่างที่ 0 ประตูเท่ากัน ดังนั้นจึงต้องดูที่ประตูได้ ซึ่งเป็นทาง ยูเครนทำได้ดีกว่าเพราะยิงได้ 4 ประตู ดังนั้นคู่นี้หากใครชนะจะได้เข้ารอบเป็นอันดับสอง จะเข้าไปเจอแชมป์กลุ่ม เอ ซึ่งน่าจะเป็น อิตาลี ส่วนอันดับสามก็ยังต้องลุ้นผลคู่อื่น หากได้เข้ารอบจะไปเจอ ไม่แชมป์กลุ่มอี ก็แชมป์กลุ่มเอฟ ครับ

หากจบลงด้วยผลเสมอ จะเป็นยูเครน ที่จบอันดับ 2 ของตาราง ส่วน ออสเตรีย จะจบอันดับสามของกลุ่ม ซึ่งการมี 4 คะแนนถือว่าโอกาสเข้ารอบต่อไปค่อนข้างสดใส แต่จะงานหยาบทั้งคู่แน่นอนในรอบต่อไป เพราะมีแต่แชมป์กลุ่มรออยู่ทั้งนั้น

แฟนบอลโปรไลเซนส์

By KICKOFF

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *