หลังจากที่ ผลงานอุ่นเครื่อง ลิเวอร์พูล ในฤดูกาล 2022-23 จะดูไม่จืดเลย จนหลายคนได้แสดงถึงความเป็นห่วง วันนี้พวกเราทีมงาน เก่งหลังเกม เลยจะลองมาวิเคราะห์ให้ดูกัน ว่าหากดูจากผลงาน ในช่วงอุ่นเครื่อง จะทำให้ทีมในฤดูกาล 2022-23 นั้นจะน่าเป็นห่วงหรือไม่
ผลงานอุ่นเครื่อง ลิเวอร์พูล ในฤดูกาล 2022-23 น่าเป็นห่วงหรือไม่
1. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-0 ลิเวอร์พูล
เกมแรกพวกเขา เดินทางไปเล่นถึงเมืองไทย ในศึก The Match Bangkok Century Cup 2022 ซึ่งเป็นเกมแรก หลังจากรวมทีมได้ไม่นาน โดยพวกเขาพ่ายแพ้ต่อ ปีศาจแดง แบบย่อยยับ 0-4
2. ลิเวอร์พูล 2-0 คริสตัล พาเลซ
เกมนัดที่สอง เดินทางออกจากประเทศไทย ไปเจอกับทาง ปราสาทเรือนแก้ว ที่สิงค์โปร์ โดยพวกเอาเป็นฝ่าย เอาชนะไปได้ 2-0 จากประตูของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์
3. แอร์เบ ไลป์ซิก 0-5 ลิเวอร์พูล
นัดที่สาม เป็นการบุกไปถล่ม แอร์เบ ไลป์ซิก ถึงเยอรมัน 5-0 โดยพวกเขาได้ประตูจาก ซาลาห์ ในครึ่งแรก ก่อนที่ในครึ่งหลัง ดาร์วิน นูนเญซ จะมาประเดิมประตูแรก แถมยังเหมาทั้งสี่ประตู ในครึ่งเวลาหลัง
4. เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก 1-0 ลิเวอร์พูล
ส่วนเกมที่สี่ เป็นการพ่ายแพ้ต่อ ซัลซ์บวร์ก ในระหว่างเก็บตัวที่ออสเตรีย โดยเกมนี้ทางแชมป์ลีกออสเตรีย ได้ประตูจาก เบนจามิน เซสโก้ กองหน้าดาวรุ่ง ที่หลายทีมให้ความสนใจ
5. ลิเวอร์พูล 0-3 สตาร์สบูร์ก
หลังจากคว้าแชมป์ เอฟเอ คอมมูนิตี้ ชิลด์ ด้วยการเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในคืนวันเสาร์ พวกเขาก็ลงเล่นเกมอุ่นเครื่อง ในคืนวันอาทิตย์ แบบต่อเนื่องเลย ซึ่งเกมนี้พวกเขาก็แพ้คา แอนฟิลด์ 0-3
หากดูจากสถิติแล้ว ต้องบอกว่าดูไม่จืดเลย สำหรับทีมที่ตั้งเป้าจะลุ้นแชมป์ แต่หากมองลึกลงไป จะเห็นถึงเหตุผล ที่พอจะเข้าใจได้ ตั้งแต่เกมแรก ที่แพ้ต่อ แมนยู ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน
โดยฤดูกาลนี้ ฟุตบอลลีกจะถูกเปิดฤดูกาล ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากช่วงปลายปี ต้องหลีกทางให้กับ ฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ที่กาตาร์ นั่นเอง
ซึ่งนักเตะที่ไปเล่นให้กับทีมชาติ ถูกวางโปรแกรมไว้ ให้เดินทางกลับมารวมตัว ในวันที่ 9 กรกฎาคม ก่อนที่พวกเขาจะเดินทาง มาสู่ประเทศไทยในวันที่ 10 กรกฎาคม
ก่อนจะลงแข่งขันกัน ในวันที่ 12 กรกฎาคม ซึ่งทำให้ผู้เล่นส่วนใหญ่ ที่ติดภารกิจทีมชาติ หลังจากจบฤดูกาลที่แล้ว เพิ่งจะมีเวลาซ้อม เพียงแค่ 2 วัน ก่อนการแข่งขันเท่านั้น
และหากดูให้ดี ในเกมนั้นทาง เจอร์เก้น คล็อปป์ จัดทีมออกเป็น 3 ชุด แบ่งกันเล่นชุดละ 15 นาที โดยนักเตะส่วนใหญ่ เป็นเพียงนักเตะเยาวชน รวมถึงนักเตะซีเนียร์ ที่อยู่ในช่วงเร่งระดับความฟิต
เช่นเดียวกันกับเกมอื่นๆ ผู้เล่นส่วนใหญ่ที่ลงเล่น ต่างก็มีเป้าหมายในการ ที่จะเรียกความฟิต รวมถึงความมั่นใจ จะเห็นได้ว่า ฟอร์มการเล่นของพวกเขา ยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไหร่
แต่พอในเกมนัดทางการ ในการเจอกับทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พวกเขากลับทำได้อย่างยอดเยี่ยม ก่อนจะคว้าแชมป์แรกของฤดูกาล ได้สำเร็จ ซึ่งการเล่นในวันนั้น ต่างกับเกมอุ่นเครื่อง ที่ผ่านๆ มาแบบชัดเจน
รวมไปถึงเกมกับ สตาร์สบูร์ก ที่แพ้คาแอนฟิลด์ไป 0-3 ก็เป็นเพียงเกมเรียกความฟิต ของผู้เล่นที่ไม่ได้มีส่วนร่วม ในศึกคอมมูนิตี้ ชิลด์ มากเพียงพอ ซึ่งเป้าหมายเดียวที่มี ก็คือการให้นักเตะ ทั้งตัวจริงและตัวสำรอง พร้อมสำหรับฤดูกาลใหม่
เพราะอย่างที่เรียนให้ทราบ ว่าฟุตบอลยุโรปในฤดูกาลนี้ ต้องการศาสตร์และศิลป์ ในการจัดการพอสมควร จากความพิเศษ ของปฏิทินการแข่งขัน ที่จะทำให้แต่ละทีม ต้องเจอความแปลกใหม่ ในการเตรียมทีม แบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน
แถมดาวรุ่งหลายราย ยังได้โอกาสพิสูจน์ตัวเอง ว่าพร้อมเป็นส่วนหนึ่ง ในทีมชุดใหญ่หรือไม่ หรือแม้แต่นักเตะตัวสำรองรายใด ที่มีโอกาสได้ไปต่อกับทีม ต่างก็ใช้เวลาในช่วง ปรีซีซั่น พิสูจน์ตัวเองทั้งสิ้น
ดังนั้นแม้ฟอร์มของ ลิเวอร์พูล ในช่วงอุ่นเครื่อง จะไม่ค่อยเข้าตาซักเท่าไหร่ แต่เชื่อว่าหากถึงเวลา ที่พวกเขาต้องเอาจริงแล้วละก็ อะไรๆ ก็น่าจะเข้าที่เข้าทางได้ทันเวลา อยู่ดีนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่น่าไว้วางใจ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย หลังจากมีนักเตะ ที่ได้รับบาดเจ็บ ในช่วงปรีซีซั่นไปแล้ว หลายราย ไล่ตั้งแต่ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ที่เจ็บในเกมกับ คริสตัล พาเลซ
อิบราฮิม่า โกนาเต้ ที่เจ็บในเกมกับ สตาร์สบูร์ก ต้องพักร่วมเดือน นาบี เกอิต้า และ เคอร์ติส โจนส์ ที่ไม่มีชื่อในเกมดังกล่าว รวมไปถึง คอสตาส ซิมิกาส ที่ไม่ได้เล่นตั้งแต่ช่วงเกมกับ ซัลซ์บวร์ก
และในรายของ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูมือหนึ่ง ที่ได้เล่นช่วงปรีซีซั่น แค่เพียงเกมแรกเกมเดียว ส่วนทาง ดิโอโก้ โชต้า คัลวิน แรมซี่ย์ และควิวีน เคลเลเฮอร์ ไม่ได้มีส่วนร่วมเลยซักนิด
และด้วยนิสัยดื้อของ คล็อปป์ ที่จะไม่ซื้อผู้เล่นง่ายๆ ก็อาจจะทำให้พวกเขา มีช่วงเวลาที่ยากลำบากเล็กน้อย ในช่วงต้นฤดูกาล รวมไปถึงหากมีนักเตะรายใดเจ็บยาว อาจจะส่งผลระยะยาว กับพวกเขาเลยก็ได้
แฟนบอลโปรไลเซนส์