บทสรุป ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ ใครได้เข้าชิงชนะเลิศ

หนึ่งในรายการ ที่ยกระดับมาจากเกมกระชับมิตร โดยมีเป้าหมาย ให้เกมทีมชาติมีความจริงจังมากขึ้น ปัจจุบันแข่งขันเป็นครั้งที่สอง และเดินทางมาถึงรองชิงแล้ว หลังจากที่ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ แข่งขันกันครบไปทั้งสองคู่ เมื่อคืนที่ผ่านมา

โดย เก่งหลังเกม จะไปสรุป รายการดังกล่าว พร้อมบทวิเคราะห์ฟุตบอล ในแบบฉบับของพวกเรา หากพร้อมแล้ว เราไปลุยกันเลยครับ

บทสรุป ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ ใครได้เข้าชิงชนะเลิศ

คู่แรก อิตาลี พบ สเปน

โดยเกมนี้เตะกันที่สนาม ซาน ซิโร่ ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ด้วยทาง อัซซูรี่ รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ ในรอบสุดท้าย ทำให้พวกเค้าน่าจะได้เปรียบเรื่องเสียงเชียร์

แต่ใจเจ้ากรรม แฟนบอล ปีศาจแดงดำ ดันโกรธแค้น จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ผู้รักษาประตูมือหนึ่ง ของทีมชาติอิตาลี ที่ย้ายจาก เอซี มิลาน ไปอยู่กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แบบฟรีๆ ในซัมเมอร์ที่ผ่านมา จนโห่ใส่ตลอดทั้งเกม

เริ่มเกมไปได้ไม่นาน ทัพกระทิงดุ มาขึ้นนำไปก่อน จาก เฟร์ราน ตอร์เรส ที่กลายเป็นตัวหลักของพวกเค้าไปแล้ว แม้จะมีอายุเพียง 21 ปี เท่านั้น บวกกับผู้เล่นหลายคน ยังเป็นผู้เล่นอายุน้อย ถือว่าเป็นการเริ่มผลัดใบ โดยคุณภาพไม่ลดลงจากเดิมเท่าไหร่

เพราะนอกจาก เปดรี้ แล้ว พวกเค้ายังได้ กาบี้ กองกลางวัย 17 ปี ที่เกมนี้ได้โอกาสสตาร์ทตัวจริง และได้รับหน้าที่ ในการตามเพลสซิ่ง มาร์โก แวร์รัตติ ทั้งเกม

แต่เกมแทบะจบลงในทันที ในช่วงปลายครึ่งแรก หลัง เลโอนาโด้ โบนุชชี่ ปราการหลังคนสำคัญ ไปโดนเหลืองสอง จนโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม เรียกได้ว่า ปล่อยจอย ได้เลย สำหรับทางเจ้าถิ่น หลังเป็นรองทุกกระบวน

แถม เฟร์ราน ตอร์เรส ยังมาบวกเพิ่มอีกหนึ่งประตู ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้ทาง สเปน ขึ้นนำก่อนในช่วงครึ่งแรก 2-0 แถมยังได้เปรียบ จากที่ตัวผู้เล่นมากกว่า อีกด้วย

ครึ่งหลัง ทาง โรแบร์โต้ มันชินี่ อยู่เฉยไม่ได้ ต้องเปลี่ยนตัวเอา จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ลงมาทันที โดยมาแทนที่ เฟเดริโก้ แบร์นาเดสคี่ ที่วันนี้ต้องลงเล่นเป็นหน้าเป้า หลัง ชิโร่ อิมโมบิเล่ เจ็บจนต้องถอนตัวจากทีมชุดนี้

โดยเกมส่วนใหญ่ก็เป็นของ สเปน ที่ครองเกมไว้ได้เกือบหมด จากทั้งสไตล์การเล่น และความได้เปรียบด้านจำนวนผู้เล่น แม้ทาง อิตาลี จะไล่ตามมาเป็น 1-2 ในช่วงท้ายเกม แต่ก็จบลงแค่นั้น เป็นทางด้านทีมเยือน ได้ไปต่อในรอบชิง

แม้ทาง อิตาลี จะตกรอบเพียงเท่านี้ และหยุดสถิติไม่แพ้ใคร ไว้ที่ 37 เกม แต่อนาคตของพวกเค้า ยังไปได้อีกไกล ทั้งโค้ชและผู้เล่น ถือว่ามาถูกทาง แถมยังมีอายุการใช้งานอีกนาน ดาวรุ่งที่มีก็พร้อมขึ้นมาพิสูจน์ตัวเอง

ด้าน สเปน ยังคงเล่นฟุตบอล ด้วยสไตล์เดิมมาตลอด พร้อมกับบอกโลกนี้ว่า ไม่มีใครที่จะมาครองบอลแข่งกับพวกเค้าได้ แต่สิ่งที่น่าห่วง คือการจบสกอร์ในแดนหน้าเท่านั้น อย่างเกมนี้ คนที่เบิ้ลสองประตู ก็เป็นผู้เล่นตำแหน่งริมเส้น ส่วนหน้าเป้า ดูยังหาคนที่พึ่งพาไม่ได้เสียที

คู่สอง เบลเยี่ยม พบ ฝรั่งเศส

คู่นี้น่าดูสุดๆ หลังทั้งสองทีม มาแบบจัดเต็ม ฟูลทีมกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งก็ต้องยอมรับเลย ว่าหากใครได้ผ่านเข้าชิง ก็ถือว่าสมศักดิ์ศรีทั้งนั้น เพราะจัดเต็ม อย่างกับว่า เป็นนัดชิงฟุตบอลโลก ยังไงยังงั้น

โดยในครึ่งแรก ทาง ปีศาจแดงแห่งยุโรป มาได้ประตูออกนำไปก่อนถึงสองประตู ในช่วงท้ายครึ่งแรก จาก ยานนิค การ์ราสโก้ และ โรเมลู ลูกากู ทำให้หลายๆ คน น่าจะคิดว่าพวกเค้าน่าจะได้เข้าชิงแล้ว

แต่ในครึ่งหลัง ทัพตราไก่ มาเต็มสมกับศักดิ์ศรีแชมป์โลก ซึ่งพวกเขาสามารถตามตีเสมอได้อย่างรวดเร็ว จาก คาริม เบนเซม่า และ คีเลียน เอ็มบัปเป้

เท่านั้นยังไม่พอ ในช่วงทดเจ็บ ยังสามารถมาแซงเอาชนะได้ จากประตูชัยของ ธีโอ เอร์นานเดซ กลายเป็นว่า ฝรั่งเศส พลิกเอาชนะไปได้ 3-2 ทั้งๆ ที่โดนนำไปก่อนในครึ่งแรก 0-2

ต้องยอมรับว่า เบลเยี่ยม แม้จะเป็นทีมที่อยู่ใน อันดับหนึ่งฟีฟ่าแรงค์กิ้ง แต่พวกเขา ไม่สามารถประสบความสำเร็จ ในรายการใดๆ ได้เลย แม้ซักรายการเดียว

ทั้งสองเมเจอร์ อย่าง ฟุตบอลโลก และ ฟุตบอลยูโร ก็ไม่สามารถเข้าชิงได้ด้วยซ้ำ ถือว่าน่าผิดหวังมาก ถ้าเทียบกับคุณภาพนักเตะของพวกเขา ที่เต็มไปด้วยผู้เล่นเกรด A และ S

จนปัจจุบัน นักเตะเก่งๆ ของพวกเค้าเริ่มโรยราแล้ว เอเด็น อาซาร์ จากแข้งระดับต้นๆ ของโลก กลายเป็นนักเตะหมดสภาพ เล่นไปเจ็บไป ร่างกายไม่ได้ใกล้เคียงกับอดีตเลย

ส่วน เควิน เดอ บรอยน์ เอง ที่ขึ้นชื่อว่า เป็นมิดฟิลด์อันดับหนึ่งของโลก ก็เริ่มเข้าสู่ช่วงดรอปลงแล้ว หลังอายุเข้าเลขสาม แถมร่างกายก็มักจะเจอกับอาการบาดเจ็บ

ยิ่งมองไปที่ ผู้เล่นเจนใหม่ๆ ยิ่งดูแล้วไม่มีความหวังซักเท่าไหร่ เพราะยังไม่มีใครที่มีแวว จะมาทดแทนผู้เล่นที่เริ่มเข้าสู่ ช่วงปลายอาชีพการค้าแข้ง แม้แต่คนเดียว

ผิดกับทาง ฝรั่งเศส ที่แม้จะทำผลงานได้น่าผิดหวัง ในฟุตบอลยูโร 2020 แต่อนาคตของพวกเค้ายังอีกยาวไกล หลังมีแข้งดาวรุ่งมากมาย ที่พร้อมขึ้นมาทดแทนตัวเก๋าๆ

สรุป อิตาลี กับ เบลเยี่ยม จะทำการแข่งขันชิงที่สาม ในวันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม 2564 เวลา 20.00 นาฬิกา ตามเวลาบ้านเรา ส่วนรอบชิงระหว่าง สเปน และ ฝรั่งเศส จะแข่งในวันเดียวกัน เวลา 01.45 นาฬิกา หรือช่วงเช้าของวันจันทร์ ตามเวลาประเทศไทย

แฟนบอลโปรไลเซนส์

By KICKOFF

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *