เป็นธรรมดา ในช่วง ฟีฟ่าเดย์ ที่เกมลีกจะหยุดพักกัน เพราะเปิดทางให้ เหล่านักฟุตบอล สลับไปรับใช้ชาติ ไม่ว่าจะเป็นรายการทางการ หรือเกมอุ่นเครื่องก็ตาม แต่เชื่อว่าไม่มีทีมไหนหรอก ที่นักเตะทุกคนภายในทีม จะต้องไปเล่นเกมทีมชาติ วันนี้จึงจะมากันถึง ผู้เล่นที่ไม่ได้ไปเล่นทีมชาติ
โดย เก่งหลังเกม จะมาเฉลยให้เพื่อนๆ ได้ฟัง ว่านักเตะเหล่านั้น ใช้เวลาในช่วงพักเบรก ไปทำอะไรกัน
ผู้เล่นที่ไม่ได้ไปเล่นทีมชาติ ทำอะไรในช่วงฟีฟ่าเดย์
อย่างแรกต้องบอกว่า ปกติในทุกๆ วัน หากยังอยู่ในช่วงฤดูกาลแข่งขัน ผู้เล่นมีหน้าที่ปฏิบัติตามตารางของสโมสร อย่างเคร่งครัด ต้องรอจนกว่า จะเป็นช่วงเบรคหนีหนาว หรือช่วงปิดฤดูกาลเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์เดินทางไปที่อื่น
แต่ก็มีเหมือนกัน หากนักเตะคนใด ที่สโมสรเห็นว่า ควรได้รับวันหยุดเพิ่ม ก็อาจจะสามารถหยุดพัก หรือเดินทางไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัว แล้วแต่ที่นักฟุตบอลคนนั้นจะสะดวก
ส่วนในช่วง ฟีฟ่าเดย์ ซึ่งจะเป็นธรรมดา ที่จะมีนักเตะต้องเดินทางไปรับใช้ชาติ แต่ก็ต้องกลับมาที่สโมสร ในทันที หลักจากที่ภารกิจกับทีมชาติ สิ้นสุดลง
ตัวอย่างเช่น ช่วงปกติ การพักเบรคฟีฟ่าเดย์ ในแต่ละครั้ง แต่ละชาติจะมีโปรแกรม ชาติละ 2-3 นัด อันนี้ก็แล้วแต่ช่วงเวลา รวมถึงการจัดการ ของสมาคมฟุตบอล ของแต่ละชาติด้วย
หากนักเตะคนใด โดนแบนในนัดต่อไป แต่ยังอยู่ในช่วงฟีฟ่าเดย์ ผู้จัดการทีมของชาติเหล่านั้น สามารถรั้งตัวนักเตะคนนั้น ไว้กับทีมได้ หรือจะอนุญาต ให้กลับสโมสรก่อนกำหนด ก็ทำได้เช่นกัน แบบนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวนักเตะเอง ว่าจะเลือกที่จะพัก หรือไปซ้อมกับสโมสรทันที
ตัวอย่างเช่น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ย้ายกลับมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงท้าย ตลาดการซื้อขาย ทำให้ยังไม่มีโอกาสซ้อมกับทีม เลยแม้แต่ครั้งเดียว
แต่การที่เจ้าตัวโดนแบน จากการที่สะสมใบเหลือง ครบกำหนด ในเกมฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนยุโรป เกมที่เจอกับ ไอร์แลนด์ ซึ่งหลังจากนั้น โปรตุเกส มีโปรแกรมต้องลงแข่ง อีกสองนัด ในเกมอุ่นเครื่องกับ กาตาร์ และ เกมฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนยุโรป กับ อาเซอร์ไบจาน
ซึ่งหลังจากที่เกมกับ ไอร์แลนด์ ผู้จัดการทีมชาติโปรตุเกส อย่าง เฟร์นานโด ซานโตส ได้จัดการส่งตัว CR7 กลับสโมสรทันที ซึ่งทาง โรนัลโด้ ได้เลือกที่จะกลับไปซ้อมกับทีม เพื่อเรียนรู้แท็คติกฟุตบอล กับกุนซือคนใหม่ ที่เขาต้องร่วมงาน
เนื่องจากในช่วงฟีฟ่าเดย์ จะมีนักเตะอยู่จำนวนนึง ที่ไม่ได้ไปรับใช้ชาติกับเขา นักเตะเหล่านี้ ก็ยังคงจะต้องทำการฝึกซ้อม กับสโมสร เหมือนกับช่วงเวลาปกติ ไม่สามารถหนีไปเที่ยวได้ตามใจชอบ ยกเว้นแต่สโมสรอนุญาต เป็นกรณีพิเศษนั่นเอง
อย่างช่วงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ที่สโมสรในอังกฤษ รวมตัวกันไม่ส่ง นักเตะบราซิลไปเล่นกับทีมชาติ เพราะมาตรการณ์ป้องกัน โควิด-19 ระบุไว้ ว่าหากเดินทางไปประเทศสีแดง ต้องกลับตัวถึง 10 วัน ซึ่งหนึ่งในนั้น ก็คือประเทศบราซิล
อย่างนักเตะ ของอาร์เจนติน่า ที่ได้ถูกเรียกไปรับใช้ชาติ ในช่วงเดียวกัน ซึ่งก็เป็นการเจอกับ บราซิล ที่ประเทศบราซิล พอกลับมาอังกฤษ ก็ต้องถูกกักตัวไปหลายวัน ตัวอย่างเช่น คริสเตียน โรเมโร่ และ โจวานี่ โล เซลโซ่ ของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
นักเตะบางราย ที่ไม่ได้ไปเล่นทีมชาติในช่วงนั้น ก็ได้รับอนุญาตให้ไปพักผ่อน ตามอัธยาศัย โดยไม่ต้องเข้ามาร่วมซ้อมกับทีม เหมือนกับนักเตะคนอื่นๆ ที่ไม่ได้ถูกเรียกไปเล่นทีมชาติ
มาถึงตรงนี้ เชื่อว่าเพื่อนๆ น่าจะพอนึกออก และน่าจะเห็นภาพตรงกัน ว่าเหล่านักฟุตบอล ที่ไม่ได้เดินทางไปรับใช้ชาติ จะยังคงต้องมีหน้าที่ ที่จะมาซ้อมร่วมกับทีม เหมือนกับในช่วงเวลาปกติ
ด้านสตาฟฟ์โค้ช ก็ยังคงต้องมาทำงานต่อเนื่อง แต่อาจจะมีการดันนักเตะจากทีมสำรอง หรือนักเตะชุดเยาวชน มาร่วมซ้อมเก็บประสบการณ์ เก็บบรรยายกาศ ในการเล่นร่วมกับผู้เล่นในทีมชุดใหญ่
แต่หากได้รับอนุญาต จากสโมสรแล้วละก็ นักเตะคนดังกล่าว ก็จะสามารถเดินทาง ไปพักผ่อนกับครอบครัว หรือจะเอาเวลาไปทำอย่างอื่นก็ได้
ใกล้เคียงกับนักเตะที่ได้รับบาดเจ็บยาว บางช่วงเวลา อาจจะไม่ต้องมาทำกายภาพบำบัดที่สโมสรก็ได้ นักเตะในยุโรปหลายราย เลือกที่จะมาพักฟื้น ยังประเทศในเขตอบอุ่น อย่างเช่น มานูเอล นอยเออร์ เคยเลือกมาพักฟื้น ที่ประเทศไทย
สรุปแล้ว หากอยู่ในช่วงเวลาแข่งขัน นักฟุตบอลทุกคน ต้องทำการฝึกซ้อม หรืออยู่ในโปรแกรม ที่สโมสรนั้นวางเอาไว้ แต่การที่จะมีข้อยกเว้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก หากสโมสรมองว่า เป็นทางเลือกที่ดี สำหรับทั้งตัวนักเตะ และสโมสร
แฟนบอลโปรไลเซนส์