ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก รอบชิงที่สาม

ถือว่าเป็นหนที่สอง สำหรับรายการยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ที่เดินทางมาถีงปลายทางแล้ว หลังจากที่การแข่งขัน รอบชิงที่สามและรอบชิงชนะเลิศ ทำการแข่งขันในคืนวันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม 2564 ซึ่งเกมนี้พวกเราจะมาว่ากันที่ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก รอบชิงที่สาม ระหว่าง อิตาลี กับ เบลเยี่ยม

โดย เก่งหลังเกม จะมาสรุปเกมนัดดังกล่าว ให้เพื่อนๆ ได้รับชมกัน พร้อมกับ บทวิเคราะห์ฟุตบอล ตามสไตล์ของ แฟนบอลโปรไลเซนส์ เช่นเคย

ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก รอบชิงที่สาม

โดยเกมนี้ ทั้งสองทีมเลือกที่มาด้วยผู้เล่นสำรอง หลายต่อหลายตำแหน่ง เนื่องจากมันไม่ได้มีความสลักสำคัญใดๆ เท่าไหร่นัก เนื่องจากอันดับสามในรายการนี้ ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ ขนาดฟุตบอลรายสำคัญมากกว่า อย่างฟุตบอลยูโร ยังไม่มีรอบชิงที่สามเลย

ทั้งสองชาติ เลยเลือกใช้ผู้เล่นตัวรองๆ ลงมาเก็บประสบการณ์ ในระดับนานาชาติแทน เพราะด้วยเกมกระชับมิตรของโซนยุโรป ที่หายไป ทำให้โอกาสที่ผู้เล่นหน้าใหม่ๆ จะได้สัมผัสเกมทางการนั้น มีน้อยลงตามไปด้วย

มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะยังไม่ทราบ ด้วยรายการนี้ ทาง ยูฟ่า กำหนดให้เป็นรายการที่เป็นทางการ มาทดแทนเกมอุ่นเครื่อง เนื่องจากต้องการให้มีแมตช์แข่งขัน ที่จริงจังมากขึ้น โดยมีโควต้า ฟุตบอลยูโร รอบสุดท้าย เป็นของแถม

ซึ่งจะมีการเลื่อนชั้น กันทุกครั้งหลังแข่งเสร็จ และจะมีแค่ 4 ทีมเท่านั้น ที่ได้มาเล่นในรอบไฟนอล ทำให้ทีมในยุโรป จะไม่ค่อยมีเกมอุ่นเครื่องกันเองให้เห็น นอกเสียจากจะเป็นช่วงก่อนแข่ง ในรายการใหญ่ๆ

โดยเป้าหมายที่แท้จริง แม้จะพูดเอาไว้ดิบดี แต่ก็เป็นความต้องการของ ยูฟ่า หรือ สหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป ที่ต้องการจะเพิ่มรายได้ ให้กับสหภาพของพวกเขา เท่านั้นเอง

ทำให้เกมนี้ ทั้งสองทีมมาแบบที่เห็น คือพักตัวหลักไว้ค่อนข้างเยอะ แม้จะมีผู้เล่นสตาร์หลายๆ คน แต่เชื่อว่าหากมองจาก Line-up 11 ตัวจริง ใครๆ ก็น่าจะมองเห็นเหมือนกัน ว่าพวกเค้าไม่ซีเรียสเท่าไหร่

ในครึ่งแรก ถือว่าเกมเปิดพอสมควร โดยทั้งคู่มีโอกาสขึ้นนำกันทั้งสองทีม แม้การครองเกม จะเป็นฝั่ง ปีศาจแดงแห่งยุโรป ที่ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย แต่พวกจังหวะจ่ายได้เสียว ลูกทะลุช่อง อะไรแบบนี้ เป็น อิตาลี ที่มีลุ้นมากกว่า

สกอร์ในครึ่งแรก จบลงด้วยการเสมอกัน 0-0 แม้ทาง มิชี่ บาทชูอายี่ จะได้จังหวะยิงไปชนคานก็ตาม ส่วนทาง คิเอซ่า ที่ยังแบกเกมรุก อิตาลี ไม่เลิก ก็มีโอกาสใกล้เคียงอยู่สองสามหน แต่ก็ทำไม่ดีพอ ยิงไม่ผ่าน ติโบต์ กูร์กตัวส์

แต่เริ่มครึ่งหลังมาได้ไม่นาน อิตาลี มาขึ้นนำจนได้ จากจังหวะเตะมุม แล้วทาง เบลเยี่ยม สกัดบอลไม่ดี บอลมาเข้าทางปืน นิโคโล่ บาเรลล่า วอลเล่ย์แบบไม่ต้องจับ บอลพุ่งเรียดเข้าประตูไป แบบที่ กูร์กตัวส์ ได้แต่มอง

จนทาง เบลเยี่ยม อยู่ไม่ไหว ต้องทำการส่ง เควิน เดอ บรอยน์ ลงมาในช่วง ครึ่งชั่วโมงสุดท้าย ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน บาตชูอายี่ คนดีคนเดิม ก็ยิงติดแฉลบ บอลไปชนคานอีกหนนึง แบบน่าเสียดาย

แต่หลังจากนั้นไม่นาน อิตาลี มาได้จุดโทษ จากจังหวะที่ เฟเดริโก้ คิเอซ่า โชว์ฉ่ำ ดวลเอาชนะ ทิโมธี คาสตานเญ่ แล้วเป็นทาง กองหลังของ เลสเตอร์ ซิตี้ ไปสกัดล้มลงในเขตโทษ

เป็นทาง โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ รับหน้าที่สังหาร โดยยิงไปทางซ้ายมือตัวเอง แถมโดน กูร์กตัวส์ เดาทางได้ แต่ยังดีที่ลูกยิงของเจ้าตัว แรงพอที่จะเข้าประตูไป ทำให้ อัซซูรี่ หนีห่างไปเป็น 2-0

เวลาที่เหลืออยู่ เบลเยี่ยม ก็พยายามครองเกมบุกเข้าใส่ ส่วนทาง อิตาลี ก็ยังเซ็ตจังหวะที่จะใช้บอลทะลุช่อง เอาชนะกับดักล้ำหน้า แต่สกอร์ก็ยังไม่ขยับ ด้วยทาง เบลเยี่ยม จบได้ไม่คมพอ ทั้งโดนเซฟ ทั้งชนเสา

ก่อนที่พวกเขาจะมาได้ ประตูตีเสมอ จากจังหวะที่ตัวเองโดนเตะมุม แต่ กูร์กตัวส์ ที่รับบอลได้ ขว้างบอลยาว เค้าเตอร์แอทแท็ค ไปให้กับ เดอ บรอยน์ ที่จ่ายต่อให้ เคเตลาเร่ หลุดเข้าไปยิงลอดขา จานลุยจิ ดอนนารุมม่า เข้าประตูไป

ทำให้สกอร์ ไล่มาเป็น 1-2 ทำให้ เบลเยี่ยม กลายมามีหวังทันที แต่สุดท้าย ก็ทำอะไรเพิ่มกันไม่ได้ จบเกมทำให้ อิตาลี คว้าอันดับสาม ของ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2020-2021 แต่ก็เท่านั้น เพราะไม่มีอะไรน่าสนใจอยู่แล้ว สำหรับรางวัลนี้

ส่วนทาง เบลเยี่ยม ดูน่าเป็นห่วง เพราะเจนใหม่ๆ ดูจะขึ้นมาทดแทนพวกตัวเก๋าๆ ไม่ได้เลย ยิ่งทีเด็ดในแนวรุก กับตัวหลักในแดนหลัง ยังคงจำเป็น ต้องใช้ผู้เล่นเหล่านี้ไปอีกหลายปี ดูทรงแล้ว โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ น่าจะมาได้เท่านี้

สอดคล้องกับข่าว ว่าเจ้าตัวกลายเป็น ตัวเต็งอันดับ 1 ที่จะไปคุมทีม สาลิกาดง นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ที่กลายเป็นสโมสรที่มีเจ้าของรวยที่สุดในโลก เพราะตลอดเวลาที่ กุนซือเลทเกม คุมทัพ เบลเยี่ยม ยังไม่เคยได้แชมป์ใดๆ เลย แม้จะเป็นทีมอันดับหนึ่งใน ฟีฟ่าแรงค์กิ้ง ก็ตามที

แฟนบอลโปรไลเซนส์

By KICKOFF

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *