เก่งหลังเกม วันนี้พาเพื่อนๆ ไปดู เส้นทางสู่ รอบชิง ยูโร 2020 ที่หลายคนเฝ้ารอกันมานาน ซึ่งพวกเราก็รู้กันแล้วว่า คู่ชิงชนะเลิศในรายการ ฟุตบอลยูโร ครั้งนี้ เป็นการพบกันระหว่าง อิตาลี และ อังกฤษ โดยทั้งคู่จะทำการลงแข่งกันที่สนาม เวมบลีย์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
วันนี้ทีมงาน Kickoff88 จะพามาเพื่อน ย้อนไปดูว่า กว่าที่ทั้งคู่จะฝ่าฟันจนมาถึงรอบนี้ พวกเค้าผ่านอะไรมาบ้าง พร้อมทั้งฟอร์มของทั้งสองทีมในแต่ละนัดที่ผ่านมา
เส้นทางสู่ รอบชิง ยูโร 2020
ทีมชาติอิตาลี
เริ่มจากแดนมักกะโรนีกันก่อน ในรอบคัดเลือก พวกเค้าอยู่ในกลุ่มเจ ร่วมกับ ฟินแลนด์, กรีซ, บอสเนีย, อาร์เมเนีย และ ลิกเตนสไตน์ ซึ่งพวกเค้าก็ได้รับการคาดหมายว่าจะเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นครับ
แต่สิ่งที่ต่างออกไป คือพวกเค้าเล่นด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยม เปลี่ยนจากบอลเน้นผล รับเหนียวแน่น กลายเป็นทีมบุกแหลก จนทำได้ถึง 37 ประตูในรอบคัดเลือก แถมเสียไปเพียง 4 ประตู พร้อมเก็บชัยชนะ 10 นัดรวด คว้า 30 แต้มเต็มแบบเหนือความหมายนิดๆ
ส่วนในรอบแบ่งกลุ่ม อิตาลี อยู่ในโถ 1 ซึ่งพอจับฉลาก พวกเค้าได้อยู่ในกลุ่มเอ ร่วมกับ เวลส์, สวิตเซอร์แลนด์, และ ตุรกี
ซึ่งในนัดเปิดสนาม สามารถเอาชนะ ตุรกี ที่หลายคนมองว่าเป็นม้ามืดในรายการนี้ไป 3-0 ต่อด้วย ถล่ม สวิตเซอร์แลนด์ ต่อเนื่อง 3-0 เช่นกัน โดยในนัดสุดท้าย พักตัวหลักเกือบหมดทีม แต่ก็เบียดเอาชนะ เวลส์ มาได้ 1-0 จบในตำแหน่งแชมป์กลุ่ม แถมชนะรวดโดยไม่เสียแม้ประตูเดียว
ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย พวกเค้าเจอกับ ออสเตรีย ที่เข้ารอบมาในฐานะ รองแชมป์กลุ่มซี โดยเกมนี้ อิตาลี ปาดเหงื่อพอสมควร หลังใน 90 นาที ไม่สามารถทำอะไรทาง ออสเตรีย ได้ ก่อนจะมาได้ 2 ประตูในช่วงต่อเวลาพิเศษ และมีเสียวในช่วงท้าย เนื่องจาก ออสเตรีย ไล่มา 1-2 แถมยังมีโอกาสตีเสมอหลายคน
ต่อมาในรอบก่อนรองชนะเลิศ หรือรอบ 8 ทีมสุดท้าย พวกเค้าต้องพบกับงานหนักอย่าง เบลเยี่ยม ที่เป็นแชมป์กลุ่มบี ที่เพิ่งจะผ่าน โปรตุเกส มา เกมนี้ อิตาลี สามารถเอาชนะ เบลเยี่ยม ได้ 2-1 โดยทุกประตูที่เกิดขึ้นในเกมนั้น เกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรก แถมฟอร์มก็ยังเหนือกว่า อันดับ 1 ของฟีฟ่าแรงค์กิ้ง อีกด้วยครับ
ส่วนในรอบรองชนะเลิศ นัดน่าสุดนั้นต้องพบกับ สเปน ที่เคยมอบคราบน้ำตาให้พวกเค้าในรอบชิง ยูโร 2012 เกมนี้ อิตาลี โดนทาง กระทิงดุ ข่มยับทั้งเกม แต่ ดอนน่ารุมม่า ช่วยชีวิตเอาไว้ โดยต้องตัดสินถึงช่วงยิงจุดโทษ เป็นทาง อิตาลี ยิ่งแม่นกว่า เอาชนะไป 4-2 จากที่เสมอกันในเวลา 1-1
ทำให้ พวกเค้ากลายเป็นทีมแรก ที่ผ่านเข้าสู่ รอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลยูโร 2020
ทีมชาติอังกฤษ
ในรอบคัดเลือก ทาง ทรีไลออนส์ อยู่ในกลุ่มเอ ร่วมกับทาง สาธารณรัฐเช็ก, โคโซโว, บัลแกเรีย และ มอนเตเนโกร ซึ่งหลังจากฟอร์มอันยอดเยี่ยมใน ฟุตบอลโลก 2018 ทำให้ แกเร็ท เซาท์เกต ได้คุมทีมถาวร และได้รับการคาดหมายว่า จะผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม แบบสบายๆ
ซึ่งพวกเค้าก็จบในฐานะแชมป์กลุ่ม แบบที่ต้องลุ้นนิดๆ เพราะดันพลาดแพ้ เช็ก ไปนัดนึง ทำให้พวกเค้าจบในฐานะแชมป์กลุ่ม ด้วยผลงาน ชนะ 7 แพ้ 1 แต่เกมรุกของพวกเค้าถือว่าดุดันจริงๆ แม้จะแข่งไปเพียง 8 นัด แต่ยิงไปถึง 37 ประตู เสียไป 6 เรียกว่าหากไม่นับเกมแพ้ พวกเค้ายิงเฉลี่ยนัดละ 5 ลูก
ส่วนในรอบแบ่งกลุ่มนั้น พวกเค้าก็อยู่ในโถ 1 โดยถูกจับไปอยู่ในกลุ่มดี ร่วมกับ โครเอเชีย, สาธารณรัฐเช็ก และ สกอตแลนด์ เรียกได้ว่าคนคุ้นเคยทั้งนั้น
แต่ในรอบแบ่งกลุ่ม สิงโตคำราม มาแปลกมาก จากทีมยิงกระจาย กลายเป็นเล่นแบบเอาชัวร์ไว้ก่อน ผลก็คือว่าในรอบแบ่งกลุ่มนั้นยิงได้เพียง 2 ประตู และไม่เสียเลยซักประตูเดียว อย่างไรก็ตาม ด้วยการชนะ โครเอเชีย และ เช็ก ด้วยสกอร์ 1-0 ก็ดีพอให้พวกเค้าเก็บ 7 แต้ม เข้ารอบไปในฐานะแชมป์กลุ่มอยู่ดี
ส่วนในรอบ 16 ทีมสุดท้ายนั้น ต้องเจอกับงานช้างอย่าง เยอรมัน ซึ่งจากรูปแบบการเล่นที่ว่ามา เล่นเอาทาง อินทรีเหล็ก ไปไม่เป็น ก่อนที่ทาง อังกฤษ จะเอาชนะไปด้วยสองประตูในช่วงท้ายเกม 2-0 เรียกได้ว่าเกมรุกของ เยอรมัน ทำอะไรพวกเค้าไม่ได้เลย
รอบก่อนรองชนะเลิศ หรือรอบ 8 ทีมสุดท้าย พวกเค้าเจองานไม่ยากเท่าไหร่ โดยพบกับทาง ยูเครน ที่ผ่าน สวีเดน มา เกมนี้ อังกฤษ มาขึ้นนำเร็ว เลยกลายเป็นเกมที่ง่ายที่สุดในทัวร์นาเม้นต์ ของพวกเค้าไปเลย โดยพวกเค้ามาโหม่งเพิ่มอีก 3 ลูกในครึ่งหลัง ทำให้ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศแบบชิลๆ
รอบรองชนะเลิศ นั้นต้องเจอกับ เดนมาร์ก ที่สร้างเทพนิยาย ฉบับ 2 จากที่เกือบตกรอบแบ่งกลุ่ม แต่ก็ทะลุมาถึงรอบนี้ได้ด้วยฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยม โดยทั้งสองทีมเสมอกันใน 90 นาที 1-1 ก่อนที่ช่วงต่อเวลาพิเศษ อังกฤษ จะมาได้จุดโทษที่ขี้โกงพอสมควร จากจังหวะพุ่งล้มของ ราฮีม สเตอร์ลิง และเป็นทาง แฮร์รี่ เคน ที่ยิงไม่เข้า แต่ซ้ำทัน เป็นประตูชัยให้ อังกฤษ ไป
และพวกเค้าก็เป็นทีมที่สอง ที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งทาง สิงโตคำราม ถือว่าค่อนข้างได้เปรียบ เพราะนอกจากเกมที่ชนะ ยูเครน 4-0 ที่เหลือพวกเค้าได้เล่นใน เวมบลีย์ ที่เป็นสนามเหย้าของพวกเค้าเองทั้งหมด
แฟนบอลโปรไลเซนส์