มาสรุปผลฟุตบอล ซูเปอร์โกปา เด เอสปันญ่า หรือที่แฟนบอลไทย เข้าใจกันทั่วไปว่า สแปนิช ซูเปอร์คัพ 2021-22 รอบรองชนะเลิศ กันซักหน่อย หลังเกมรอบรองชนะเลิศ ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อย ครบทั้งสองคู่ จนได้คู่ชิงชนะเลิศ ฤดูกาลนี้ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
วันนี้ เก่งหลังเกม เลยขอโอกาส มาสรุปผลฟุตบอล รายการนี้ ในรอบรองชนะเลิศ กันซักหน่อย ก่อนที่รอบชิงชนะเลิศ จะเริ่มขึ้นในไม่กี่วันข้างหน้า
สรุปผลฟุตบอล สแปนิช ซูเปอร์คัพ 2021-22 รอบรองชนะเลิศ
เกริ่นกันก่อน รายการนี้ลงเล่นกัน ที่สนามกลาง ในประเทศซาอุดิอาระเบีย ตลอดทั้งรายการ ทำให้ไม่มีใคร มีความได้เปรียบเสียเปรียบ วัดกันที่คุณภาพของทีม ด้วยกันล้วนๆ
1. บาร์เซโลน่า – เรอัล มาดริด
ทั้งสองทีม มาด้วยผู้เล่นชุดใหญ่ ด้วยกันทั้งคู่ เรียกว่ามาด้วยทีมชุดที่ดีที่สุด เริ่มจากทาง บาซ่า ส่ง เฟร์ราน ตอร์เรส แข้งป้ายแดง ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง เคียงข้างด้วย ลุค เดอ ยอง และ อุสมาน เดมเบเล่ โดยจับ เมมฟิส เดปาย นั่งที่ข้างสนาม
ในส่วนของกองกลาง ใช้ กาบี, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ และ แฟรงกี้ เดอ ยอง ส่วน เปดรี้ ที่เพิ่งหายเจ็บได้ไม่นาน เกมนี้กลับมาเป็นสำรองก่อน ส่วนกองหลัง เกมนี้ใช้ อเราโฆ่ ยืนคู่กับ ปีเก้
ส่วน ราชันชุดขาว มาด้วยชุดใหญ่จัดเต็ม ตั้งแต่ผู้รักษาประตู ยันกองหน้า จะขาดก็แต่ ดาวิด อลาบา ที่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น เรียกได้ว่า ความสำคัญของรายการนี้ ไม่ใช่ประเด็นเท่าไหร่ แต่เรื่องศักดิ์ศรี คู่นี้ไม่มีใครยอมใครอยู่แล้ว
ในส่วนของรูปเกม แน่นอนว่าเป็นทาง เจ้าบุญทุ่ม ที่เป็นฝ่ายครองบอลบุก ซะส่วนใหญ่ เนื่องจาก DNA ของพวกเค้า คือการเล่นบอลเท้าสู่เท้า แบบงดงาม เพลสซิ่งอย่างหนักหน่วง สมกับที่ได้กุนซือ เป็นคนคุ้นเคย อย่าง ชาบี เอร์นานเดซ
ฝั่ง ชุดขาว ที่ได้ พี่แจ้ กลับมาคุมทีมอีกคำรบ แท็คติกหลักของพวกเขา คือการเล่นบอลสวนกลับอันรวดเร็ว อันเป็นเอกลักษณ์ของทีม ในยุคของ คาร์โล อันเชล็อตติ ตั้งแต่สมัยคุมทีมครั้งแรก เล่นกันไม่กี่จังหวะ ก็ได้ประตู
เริ่มเกมไปได้ไม่นาน เบนเซม่า ไปแย่งบอลจาก บุสเก็ตส์ มาได้ ก่อนที่ มาดริด จะเล่นบอลไม่กี่จังหวะ ให้ วินิซิอุส จูเนียร์ หลุดเข้าไปยิง เป็นประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็ว อันเป็นเสน่ห์ที่คุ้นเคย
ก่อนที่ใช้ช่วงท้ายครึ่งแรก บาร์เซโลน่า จะมาตีเสมอได้ จากจังหวะที่ เอแดร์ มิลิเตา สกัดผิดเหลี่ยม บอลไปโดน ลุค เดอ ยอง กระเด้งเข้าประตูไป ให้สกอร์กลับมาอยู่ที่ 1-1 ก่อนหมดครึ่งแรก
ในครึ่งหลัง มาดริด มาขึ้นนำอีกครั้งจาก เบนเซม่า ซึ่งจังหวะนี้ ต้องบอกว่าทาง แฟรกรอง เมนดี้ เอาชนะในการดวล 1-1 ต่อ ดานี่ อัลเวส เอาซะแบ็คขวาชาวบราซิลเลี่ยนเสียเชิง ก่อนที่ในช่วงท้ายเกม อันซู ฟาติ จะมาโหม่งตีเสมอเป็น 2-2 ทำให้ทั้งสองทีม ต้องต่อเวลาพิเศษ
โดยในช่วงต่อเวลาพิเศษ เป็นทาง มาดริด ที่ยังคงใช้แท็คติกถนัดของตัวเอง นั่นก็คือการสวนกลับเร็ว โดยใช้การเล่นเพียงไม่กี่จังหวะ และก็เป็น เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ ที่เป็นคนยิงประตูชัย ให้ทาง ราชันชุดขาว เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เป็นทีมแรก
2. แอตเลติโก มาดริด – แอธเลติก บิลเบา
แม้ทาง ตราหมี อาจจะดูเหนือกว่า แต่อย่าลืมว่าฤดูกาลก่อน ในรายการนี้นั้น ทาง บิลเบา ก็ล้มทั้ง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ไปครอง ได้แบบเซอร์ไพรส์ พอสมควร
เกมนี้ทั้งสองทีม ก็ขนตัวหลักมากันครบ แต่ทาง แอต มาดริด มีการสลับผู้เล่นในหลายตำแหน่ง อันเป็นปกติของทีมอยู่แล้ว ด้าน บิลเบา นั้น ส่งชุดที่ดีที่สุดลงสนาม แม้จะขาดตัวหลักบางคนก็ตาม
ซึ่งรูปเกมของคู่นี้ ต่างจากคู่แรกพอสมควร เพราะทั้งสองทีม เป็นบอลเน้นผลทั้งคู่ โดยหลังจากเขี่ยบอลเริ่มเกม ไปได้ไม่นาน ชูเอา เฟลิกซ์ สามารถหลุดเข้าไปยิง ส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่าย แต่โดนจับล้ำหน้าก่อน
ก่อนที่ครึ่งหลัง เจ้าตัวจะมาโหม่งเตะมุม บอลไปชนเขา กระเด็นมาโดน อูไน ซิมม่อน เข้าประตูไป ให้ทาง แอตเลติโก มาดริด ออกนำไปก่อน 1-0
อีกสิ่งหนึ่งที่ทาง แอธเลติก บิลเบา เล่นงานคู่แข่ง คือลูกเตะมุมนั่นเอง มาชัดเจนเอาในช่วงท้ายเกม โดยจังหวะแรก แยน โอบลัค ต้องออกแรงเซฟ ไว้ที่เส้นพอดิบพอดี
แต่สุดท้าย พวกเขาก็มาตีเสมอได้ ในช่วงท้ายเกม ก่อนที่จะขึ้นนำต่อเนื่อง ด้วยประตูจาก ลูกเตะมุมอีกเช่นกัน และในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ โฆเซ่ ฆิมิเนส มาโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม จากจังหวะไปเล่นอันตราย จบเกม บิลเบา เอาชนะไปได้ 2-1 เข้ารอบชิงไปอีกทีม
แฟนบอลโปรไลเซนส์