การเปลี่ยนกุนซือ กลางฤดูกาล มีข้อดีข้อเสียแค่ไหน

แม้ว่าการเปลี่ยนกุนซือ ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่สุดๆ ของสโมสรฟุตบอล เพราะนั่นยอมหมายถึง การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ที่มีส่วนต่อการเดินหน้าของสโมสร แต่ส่วนใหญ่ พวกเค้ามักจะเปลี่ยนกุนซือ ในช่วงปิดฤดูกาล เพราะการ เปลี่ยนกุนซือ กลางฤดูกาล ค่อนข้างมีความเสี่ยง

โดย เก่งหลังเกม จะชวนเพื่อนๆ มาวิเคราะห์ไปพร้อมๆ กัน ว่าการเปลี่ยนกุนซือ กลางฤดูกาลนั้น มีข้อดีและข้อเสีย อย่างไรบ้าง ผ่านบทวิเคราะห์ฟุตบอล ในสไตล์ของพวกเรา เช่นเคย

เปลี่ยนกุนซือ กลางฤดูกาล มีข้อดีข้อเสียแค่ไหน

เดิมที การเปลี่ยนตัวผู้จัดการทีม หรือกุนซือใหญ่ มักจะทำในช่วงปิดฤดูกาล เหตุผลก็คือ การเริ่มการคุมทีม ในช่วงปิดฤดูกาลนั้น จะทำให้ทีม มีโอกาสที่จะเรียนรู้แท็คติกใหม่ ซึ่งเป็นจุดสำคัญ ที่โค้ชทุกคนต้องการ ให้ผู้เล่นของพวกเค้า ได้เรียนรู้ที่จะเล่นฟุตบอล ในสไตล์ที่ต้องการ

รวมถึงการเสริมทัพ เพื่อปรับปรุงทีม เพื่อให้เป็นไปในทางที่ต้องการ การที่กุนซือใหม่ ได้เริ่มงานในช่วงปิดฤดูกาล จะทำให้มีช่วงเวลา ในการเสริมทีม เป็นเวลาหลายเดือน ส่วนถ้าหากเป็นช่วงตลาดหน้าหนาว ช่วงปีใหม่ จะมีเวลาเพียง 1 เดือน เท่านั้น

ดังนั้น การเปลี่ยนกุนซือ ทุกสโมสรเลยพยายาม เลือกที่จะเปลี่ยนแปลง ตำแหน่งหัวเรือใหญ่ ในช่วงปิดฤดูกาล หากไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน พวกเค้าจะไม่พยายาม เปลี่ยนกุนซือ ในช่วงกลางฤดูกาล

แต่การเปลี่ยนกุนซือ กลางฤดูกาล ก็มีข้อดีเช่นกัน โดยส่วนใหญ่แล้ว มักจะเกิดขึ้นกับทีมท้ายตาราง เนื่องจากแต่ลีม อาจจะอยู่ในวิกฤติ ที่เสี่ยงต่อการตกชั้น หากรอจนถึงช่วงปิดฤดูกาล อาจจะไม่ทันการแล้ว นั่นเอง

เพราะกุนซือบางคน ค่อนข้างเหมาะกับการหนีตกชั้น บางคนพาทีมหนีตกชั้นได้บ่อยๆ จนทำให้มักได้งาน แบบเผือกร้อน ในช่วงกลางฤดูกาลอยู่บ่อยๆ บางคนก็เก่ง จนได้รับฉายาว่า เลทเกม กันเลยก็มี

สาเหตุก็มาจาก การคุมทีม แบบวางแผนการเล่นในระยะยาว ย่อมเหมาะกับทีมใหญ่ๆ หรือทีมที่มีคุณภาพดี โดยเฉพาะในเรื่องของตัวผู้เล่น ทำให้ทีมมีรูปเกมการเล่นที่ดี และสามารถคว้าผลการแข่งขัน ที่ต้องการมาได้ แบบไม่ยากเย็นนัก

แต่กับทีมที่ คุณภาพเป็นรอง การจะเล่นบอลสวยงาม เหมือนดังหวังในช่วงต้นฤดูกาล อาจจะไม่สามารถเก็บผลลัพท์ ที่ดีดังหวังได้ซักเท่าไหร่ บางทีมการเล่นดูสวยงาม แต่เก็บแต้มไม่ได้ จนต้องมาเหนื่อยหนีตกชั้น หรือบางทีมอาการหนัก ถึงขั้นตกชั้นไปเลยก็มี

ส่วนกุนซือบางประเภท ที่เหมาะกับงานหนีตกชั้น มักไม่เน้นการเล่นที่สวยงาม แต่เน้นบอลเน้นผล ขอเก็บแต้มได้เรื่อยๆ ไว้ก่อน เรียกว่าเอาตัวรอด ดั่งสำนวนที่ว่า ขายผ้าเอาหน้ารอด อะไรประมาณนี้ครับ

แม้ปัจจุบัน กุนซือประเภทดังกล่าว จะค่อยๆ เลือนหายไปจากสารบบ วงการฟุตบอล ในปัจจุบันแล้วก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ ว่าบางทีมยังมองหา กุนซือประเภทนี้ เป็นการชั่วคราว เพื่อการหนีตกชั้น นั่นยังไงหละครับ

เพราะไม่ว่า ฟุตบอลจะออกมาน่าเบื่อแค่ไหน การได้โลดแล่นอยู่บนลีกสูงสุดต่อไป ก็เป็นเป้าหมายพื้นฐาน ของทุกทีมอยู่แล้ว อันเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะกับทีมเล็กๆ ที่ไม่ได้มีงบประมาณมากมาย การได้อยู่บนลีกสูงสุดต่อไป สำคัญกับสโมสรของพวกเค้า มากทีเดียว

ข้อดีอีกอย่าง คือการหาจุดเปลี่ยน เพราะกุนซือบางคน อาจจะเหมาะกับเกมในลีกรอง ซะมากกว่า พอต้องมาเล่นบนลีกสูงสุด มักจะเอาตัวไม่รอด หากไม่ดีจริง เพราะคุณภาพของคู่แข่ง มันต่างจากเดิม ที่พวกเค้าผ่านมามาก

ซึ่งเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ทีมที่จะได้เลื่อนชั้นขึ้นมา ย่อมต้องจบลำดับแรกๆ ในลีกเดิมของพวกเขา และด้วยเหตุผลนั้นๆ หลายทีมจึงไม่ค่อยจะเปลี่ยนโค้ช หลังจากที่สามารถพาทีม เลื่อนชั้นขึ้นมาได้

จะมีก็แต่บางทีมเท่านั้น ที่เลือกที่จะเปลี่ยนโค้ช หลังจากที่พาขึ้นสู่ลีกสูงสุด ตรงนี้ก็น่าเห็นใจกุนซือเหล่านั้นเหมือนกัน รวมถึงบางคน ที่ต้องเสียงาน เพราะดันพาขึ้นลีกสูงสุด แต่ไม่ดีพอที่จะสู้กับทีมอื่นๆ

รวมถึงในทีมหัวตาราง บางทีการเปลี่ยนกุนซือใหม่ แล้วผลออกมาไม่เวิร์ค การทนรอจนหมดฤดูกาล อาจจะทำให้พวกเค้าพลาดอะไรไปหลายอย่าง เช่น เคสของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ กับ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต ที่เพิ่งจะรวมงานกันได้ไม่กี่เดือน ก็ต้องแยกทางกันแล้ว

เพราะบอลของ สเปอร์ส นั้น ห่างไกลจากความต้องการของทีม ที่ต้องการเล่นบอลเกมรุก แล้วยังต้องได้ผลที่ต้องการ ทั้งการกลับไปติด 1-4 รวมถึงความฝัน ในการคว้าแชมป์ของสโมสร

จึงมีการเปลี่ยนตัวกุนซือ อย่างรวดเร็ว และได้ตัว อันโตนิโอ คอนเต้ มาร่วมทีม ซึ่งแฟนบอลเกือบทุกคน น่าจะรู้ซึ้งถึงฝีมือของ คอนเต้ กันดีอยู่แล้ว เรียกว่านี่คือโอกาสดี ที่ได้กุนซือมากฝีมือ แถมเป็นการตัดคู่แข่ง ที่เล็งตัวกุนซือมากฝีมือผู้นี้ ไว้อยู่เช่นกัน

หรือบางคน ไทม์มิ่ง ดีๆ อย่างเคสของ เจอร์เก้น คล็อปป์ และ ลิเวอร์พูล ที่กุนซือแว่น ต้องการพักงาน 1 ปี หลังจากออกมาจาก ดอร์ทมุนด์ แต่พอเป็น หงส์แดง ติดต่อมา จึงยอมเซย์เยส และพาสโมสรประสบความสำเร็จเฉกเช่นทุกวันนี้

หากทาง ลิเวอร์พูล รอจนถึงช่วงปิดฤดูกาล มีโอกาสอยู่มากเหมือนกัน ที่จะโดนทีมอื่นตัดหน้า กุนซือรายนี้ไป และเชื่อว่าทุกคนรู้ ว่าพวกเขาตัดสินใจถูกแค่ไหน ที่ตั้ง JK มากุมบังเหียน ในช่วงกลางฤดูกาล

แต่ข้อเสีย ก็มีเช่นเดียวกัน สำคัญคือการเสริมทีมไม่ได้ ต้องใช้ผู้เล่นชุดเดิม ไปอย่างน้อยก็ช่วงตลาดการซื้อขายหน้า ยิ่งถ้าเป็นหลังปีใหม่ไปแล้ว ต้องรอจนปิดฤดูกาลกันเลยก็มี

เช่นเดียวกับ แผนการเล่น ยังคงเปลี่ยนแปลงอะไรมากไม่ได้ เนื่องจากแท็คติกใหม่ ของกุนซือบางราย ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ค่อนข้างมาก สังเกตุว่ากุนซือเก่งๆ ก็มักจะโชว์ผลงานในช่วงแรกๆ ได้ไม่ค่อยดี แต่หลังจากตั้งลำได้ ก็ตามนั้นแหละครับ

ซึ่งการเปลี่ยนคนสำคัญ อย่างกุนซือของทีม ในช่วงกลางฤดูกาล นับว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ทั้งหมดทั้งมวล ก็ต้องอยู่ที่การตัดสินใจ เพราะทุกอย่างมันได้อย่างเสียอย่าง ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการชั่งน้ำหนักดีๆ เพราะมีให้เห็นเหมือนกัน ว่าบางทีการเปลี่ยนโค้ช ก็ทำให้ผลงานของทีม แย่ลงไปกว่าเดิม

แฟนบอลโปรไลเซนส์

By KICKOFF

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *