รอัล มาดริด กับการเปลี่ยนแปลง

เรอัล มาดริด กับการเปลี่ยนแปลง มากมาย จนหลายคนเกิดความสงสัย และเป็นห่วงไปพร้อมๆ กัน เนื่องจากฤดูกาลนี้ นอกจากมีการเปลี่ยนตัวกุนซือ จาก ซีเนดีน ซีดาน กลับมาเป็นอดีตคนคุ้นเคยอย่าง คาร์โล อันเชล็อตติ และต้องมาเสียสองกองหลังตัวหลัก ที่เล่นคู่กันมาร่วม 10 ปี อย่าง เซคิโอ รามอส และ ราฟาเอล วาราน ไปพร้อมๆ กัน เป็นต้น

วันนี้ Kickoff88 จะมาวิเคราะห์ ว่าการเปลี่ยนแปลง ที่มากเกินไปนี้ จะส่งผลดีและร้าย อย่างไร กับทัพราชันชุดขาว ในฤดูกาลที่จะถึง ตามสไตล์ เก่งหลังเกม เช่นเคยครับ

เรอัล มาดริด กับการเปลี่ยนแปลง มากมายใน ฤดูกาล 2021-22

อย่างแรก ต้องบอกว่าในลาลีกา ทั้ง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า มีมาตรฐานที่ตกลงมาพร้อมๆ กัน จนปีที่ผ่านมา กลายเป็น ตราหมี แอตเลติโก มาดริด ที่คว้าแชมป์ลาลีกาไปได้ เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ที่สองพี่บิ๊กของสเปน พลาดคว้าแชมป์ลีก

การตั้ง อันเช่ เข้ามาคุมทีม เลยดูเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุดเท่าไหร่ เนื่องจากผลงานของ “พี่แจ้” ไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรมาก แชมป์ลีกครั้งสุดท้ายที่ได้ ก็มาจากสมัยที่คุม บาเยิร์น มิวนิค ที่แทบจะการันตีแชมป์บุนเดสลีกา เป็นของตายอยู่แล้ว

แถมสองทีมหลัง ที่เจ้าตัวคุมทีม ก็ไม่ใช่ทีมที่มาคั่วแชมป์แข่งกับใคร อย่างนาโปลี และ เอฟเวอร์ตัน ตามลำดับ (แม้ตอนคุมนาโปลี จะได้อันดับสองของลีก แต่ช่องว่างระหว่างปีก่อนที่เจ้าตัวจะเข้ามาคุม กับปีที่อันเช่คุม นั้นห่างยิ่งกว่าเดิม) อาจจะเรียกว่ากุนซือตกยุคก็ไม่ผิดนัก

ย้อนอดีตกันนิดนึง ประสบการณ์คุมทีมของเจ้าตัวนั้น เกือบจะ 30 ปี กับ 10 สโมสร โดยทีมที่สร้างชื่อให้กับเจ้าตัวมากที่สุด คงหนีไม่พ้น “ปีศาจแดงดำ” เอซี มิลาน ยุครุ่งเรื่องที่ได้แชมป์ยูซีแอล 2 สมัย กลับกันแชมป์ลีก กัลโช่ เซเรีย อา ได้เพียงครั้งเดียวในฤดูกาล 2003-2044 เท่านั้น

ส่วนกับสโมสรอื่นๆ เจ้าตัวก็ได้แชมป์ลีกทีมละสมัยไม่เกินนี้ ทำให้ตลอดเวลา 20 กว่าปีที่คุมทีม คว้าแชมป์ลีกได้เพียง 4 ใบเท่านั้น โดยสมัยที่คุม เรอัล มาดริด หนแรก ไม่สามารถคว้าแชมป์ลาลีกา มาครองได้ซักครั้งเลย

ในส่วนของแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เจ้าตัวมีประสบการณ์ค่อนข้างเยอะ เข้าชิง 4 ครั้ง คว้ามาได้ 3 หน โดยหนึ่งในนัดได้กับ เรอัล มาดริด หนแรกนั่นแหละครับ และด้วยวัย 62 ปี จึงอาจจะเรียกได้ว่า อันเชล็อตติ ไม่ใช่อนาคตระยะยาวของ ราชันชุดขาว แน่ๆ

จึงเชื่อว่า การเลือก อันเช่ กลับมาคุมบังเหียนครั้งนี้ ไม่น่าจะใช่การมองภาพระยะยาว เหมือนกับที่พวกเค้าตุนดาวรุ่งไว้ในทีมค่อนข้างเยอะ แต่น่าจะเป็นการลุ้นแชมป์ยุโรปส่งท้าย เหล่านักเตะซีเนียร์ที่อยู่ในช่วงปลายอาชีพ อย่างเช่น เอแดน อาซาร์, คาริม เบนเซม่า, ติโบต์ กูร์กตัวส์, โทนี่ โครส และ ลูก้า โมดริช อะไรแบบนี้มากกว่าครับ

แต่ในส่วนของการเปลี่ยน คู่ปราการหลังตัวกลาง พร้อมๆ กันแบบนี้ ถือว่าค่อนข้างเสี่ยงพอสมควร เพราะต้องบอกว่า ทั้ง เซร์คิโอ รามอส และ ราฟาเอล วาราน เป็นคู่หูที่พาเรอัล มาดริด คว้าโทรฟี่ไปเกือบ 20 ใบ

โดยคนที่พวกเค้า เซ็นสัญญาเข้ามาในปัจจุบัน มีเพียง ดาวิด อลาบา ที่เป็นฟูลแบ็คที่เล่นเซ็นเตอร์ฮาฟได้ รวมถึงเอาเข้าจริงๆ สมัยเยาวชนเจ้าตัวเล่นกองกลาง และตอนนี้ก็ยังอยาก ที่จะเล่นตำแหน่งกองกลาง มากกว่ากองหลังด้วยครับ

คนที่เหลือก็จะมี เอแดร์ มิลิเตา ดาวรุ่งที่ทีมซื้ออนาคต มาจาก ปอร์โต้ เมื่อสองปีก่อน ซึ่งผลงานก็ยังไม่เข้าตาซักเท่าไหร่ รวมถึงดาวรุ่งอีกคนอย่าง เฆซุส บาเยโฆ่ ที่ตลอดหลายฤดูกาลหลัง พเนจรถูกยืมตัวไปทีมนั้นทีมนี้อยู่ตลอด

ซึ่งคนที่พอจะพึ่งพาได้ ก็มีเพียง นาโช่ ที่ทั้งเก๋าและมีประสบการณ์ แต่พอไปดูประวัติเรื่องบาดเจ็บ บอกเลยว่าเสียวสันหลังวาป แทนราชันชุดขาวจริงๆ

แต่ก็พอเข้าใจทาง เรอัล มาดริด เหมือนกัน เนื่องจากอายุอานามของ เซร์คิโอ รามอส ปาเข้าไป 35 แถมปีที่ผ่านมาโดนอาการบาดเจ็บเล่นงาน จนไม่รู้จะกลับมาได้รึเปล่า หากอยู่ต่อ ยังไงเจ้าตัวก็เป็นตัวเลือกอันดับแรก ดาวรุ่งที่รอผลัดใบก็ไม่ได้ลงซักที

ด้าน ราฟาเอล วาราน คนนี้ตัดสินใจย้ายเข้ามาอยู่กับทาง ชุดขาว เนื่องจากประทับใจในตัว ซีเนดีน ซีดาน ที่ตอนนั้นเป็นที่ปรึกษาของประธานสโมสร จนได้ลงมาคุมทีมเอง ทาง วาราน ก็เป็นตัวหลักเสมอมา วันนี้คนบ้านเดียวกันจากไปแล้ว ก็คือตามนั้นแหละครับ

ผลของการเปลี่ยนแปลง จะดีจะร้ายยังไง ไม่มีใครรู้ ต้องปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่สิ่งที่ เรอัล มาดริด มองจริงๆ คือเหล่าอนาคตของทีมมากกว่า เพราะหลายปีที่ผ่านมา พวกเค้าสะสมดาวรุ่งพรสวรรค์สูงไว้มากกว่า

นักเตะระดับท็อปที่เซ็นมา ในระยะหลังก็มีเพียง เอแดน อาซาร์ รายเดียว ที่ทุกสิ่งทุกอย่างพิสูจน์ให้เห็นแล้ว ว่าเป็นการเซ็นสัญญาที่ผิดพลาดของสโมสร พวกกับภาระค่าเหนื่อยของ แกเร็ธ เบล ที่ค่อนข้างสูงมาก ซึ่งไม่เกินฤดูกาลหน้า ทีมจะปลดภาระตรงนี้ไปได้แล้ว

ต้องยอมรับว่า ปีนี้คงจะไม่ใช่ปีที่ดีที่สุดของพวกเค้าซักเท่าไหร่ ต่อให้ได้กุนซือประสบการณ์สูงอย่าง อันเช่ เข้ามาคุมทีมก็ตาม แต่สิ่งที่ทีมมองไว้ คือตลาดปีหน้า ที่ทีมพอจะมีเงินที่สะสมมา บวกกับgapค่าเหนื่อยที่ลดลง

บวกกับดาวรุ่งที่เก็บประสบการณ์จากยอดกุนซือผู้ผ่านสังเวียนมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ น่าจะทำให้พวกเค้ากลับมาได้อย่างภาคภูมิ และดูแล้วรอบนี้หากการเซ็นสัญญาเป็นไปตามคาด พวกเค้าจะกลับมาได้อย่างยิ่งใหญ่แน่ๆ

ส่วนปีนี้ก็ชิวไปก่อน หากได้แชมป์มาซักถ้วยก็ถือเป็นกำไรก็แล้วกัน สำหรับแฟนๆ โลส บลังโกส ตอนนี้ขอยืมคำพูดของ แฟนหงส์แดงไปก่อน ว่า “ปีหน้า(2022-2023)เรามาแน่

แฟนบอลโปรไลเซนส์

By KICKOFF

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *