คู่ชิงฟุตบอลโอลิมปิก

คู่ชิงฟุตบอลโอลิมปิก 2020 ก็ออกมาแล้ว ซึ่งจะเป็นการชิงเหรียญทองกันระหว่าง บราซิล ที่เอาชนะ เม็กซิโก ในการดวลจุดโทษชี้ขาด 4-1 หลังจากเสมอกันในเวลา 120 นาที 0-0 โดยจะพบกับ สเปน ที่เฉือนเอาชนะ เจ้าภาพ ญี่ปุ่น ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-0

วันนี้ Kickoff88 จะพาไปวิเคราะห์ เส้นทางของทั้งสองทีม รวมถึง วิเคราะห์คู่ชิง ว่าเป็นคู่ที่ผิดคาดรึเปล่า ตามสไตล์ เก่งหลังเกม เช่นเคยนะครับ

คู่ชิงฟุตบอลโอลิมปิก 2020 ถือว่าผิดคาดไหม

อย่างแรก ก็ต้องบอกว่า ทั้งคู่มีทีมที่ดูดีที่สุดสองทีม ในรายการนี้ อย่างที่เราเคยได้เรียนไปใน บทความ วิเคราะห์ทีมชาติญี่ปุ่น ก่อนหน้านี้ ว่า ทัพซามูไรบลูส์ “มีก้างชิ้นโตอยู่แค่สองอัน หนึ่งคือ สเปน สองคือ บราซิล นั่นเอง”

เริ่มจากทาง บราซิล กันก่อน พวกเค้าไม่ได้มีตัวหลัก จากทีมชาติชุดใหญ่มาเลย ยกเว้นตัวสำรองที่อายุไม่เกิน อาทิ เช่น ริชาร์ลิซอน แนวรุกสารพัดประโยชน์ของ เอฟเวอร์ตัน เพียงรายเดียว อย่างแข้งอายุเกิน ก็มีตัวอย่าง ดานี่ อัลเวส หรือ ดิเอโก้ คาร์ลอส ที่ไม่ใช่ตัวหลักของทีมชาติชุดใหญ่อยู่แล้ว

ส่วน สเปน พวกเค้าดึงผู้เล่นในทีมชาติชุดใหญ่ บางคนที่อายุไม่เกินกำหนด อย่างเช่น เปดรี้, มิเกล โอยาร์ซาบัล, ดานี่ โอโม่, เอริค การ์เซีย, เปา ตอร์เรส และ อูไน ซิม่อน เรียกได้ว่าเป็นผู้เล่นที่ไปเล่น ยูโร 2020 มาเมื่อช่วงเดือนก่อนนั่นเอง

นั่นจึงเป็นสาเหตุ ที่ผู้เล่นบางคนอย่าง เปดรี้ หน้าตาอิดโรยแบบสุดๆ เนื่องจาก ด้วยวัยเพียง 18 ปี แต่ต้องเป็นตัวเลือกแรกต่อทั้งสโมสรและทีมชาติหลายชุด พร้อมๆ กัน จนหลายคนเป็นห่วงว่า จะกรอบจนหมดอายุการใช้งานอย่างรวดเร็ว เลยทีเดียว

ซึ่งดูจากการจัดทัพมาในคราวนี้ ก็ต้องยอมรับในเบื้องต้นว่า ทั้งสองทีมเป็นคู่ชิงที่สมศักดิ์ศรี แม้จะน่าเสียดายที่ เจ้าภาพอย่าง ญี่ปุ่น อดชิงเหรียญทอง แบบน่าเสียดาย

แต่ฟอร์มในรอบที่ผ่านๆ มา ก็ต้องบอกว่า ตะกุกตะกักเหมือนกัน โดยทาง บราซิล แม้จะจบรอบแบ่งกลุ่มด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม แต่ก็ต้องวัดกับ ซาอุดิอาระเบีย ในนัดสุดท้าย โดยมายิงสองประตูในช่วงท้ายเกม ไม่งั้นคงดูไม่จืดครับ

ด้าน สเปน เข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่มเช่นเดียวกัน แต่ก็เก็บไปได้เพียง 5 คะแนน จากการชนะ 1 เสมอ 2 ยิงทั้ง 3 นัดก็ยิงได้เพียง 2 ประตู เรียกได้ว่าหวุดหวิดพอกัน

ส่วนในรอบ น็อคเอ้าท์ ก็ลำบากด้วยกันทั้งคู่ โดย บราซิล นั้นเฉือนเอาชนะ อิยิปต์ ในรอบก่อนรอง ก่อนที่รอบรอง จะชนะ เม็กซิโก ในการดวลจุดโทษ อย่างที่เรียนไปให้ทราบก่อนหน้า

ฝั่ง กระทิงดุ บอกตรงๆ ว่าโทรมสุดๆ หลังตัวหลักที่ไปลุยยูโรมา ต้องตะบี้ตะบันลงแข่งต่อ โดยเฉพาะในรายของ เปดรี้ อย่างที่เรียนไปให้ทราบ มารายการนี้ รอบน็อคเอ้าท์ต้องเล่น 120 นาทีทั้งสองเกม โดยรอบก่อนรองมาตีเสมอ ไอวอรี่โคสต์ ในช่วงทดเจ็บ ก่อนที่จะยิงถล่มในช่วงต่อเวลาพิเศษ

ส่วนรอบรอง ดวลกับ ญี่ปุ่น แบบหืดจับ กว่าที่จะเอาชนะไปได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ จากประตูชัยของ มาร์โก อเซนซิโอ้ ซึ่งทั้งเกม แทบจะเจาะแนวรับ ญี่ปุ่น ไม่เข้า ดีที่เกมรุกของ เจ้าภาพ ยังเป็นจุดอ่อนสำคัญ ทำให้ ทัพกระทิงดุ เอาตัวรอดมาได้

ถ้าเทียบกับการเตรียมทีม บวกกับผู้เล่นที่มาในครั้งนี้ ก็ต้องบอกตรงๆ ว่าน่าเสียดายที่ ญี่ปุ่นไม่ได้เข้ามาถึงในนัดชิง แต่ก็ต้องยอมรับโดยตรง ว่าสองทีมนี้เป็นคู่ชิงที่สมศักดิ์ศรีสุดๆ เนื่องจากคุณภาพของนักเตะ ที่แม้จะไม่ได้นำผู้เล่นที่ดีที่สุดมาก็ตาม

แต่ด้วยตัวเลือกของพวกเค้าค่อนข้างเยอะ พวกกับเป็นบอลที่มีพื้นฐานเยาวชนดีที่สุดลำดับต้นๆ ของโลกด้วยกันทั้งคู่ ยามต้องเล่นบอลที่จำกัดอายุ เลยดูจะได้เปรียบทีมอื่นๆ อยู่บ้าง

ดังนั้น ต้องยอมรับด้วยใจ ว่าทั้งสองทีม เป็นคู่ชิงที่ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ ด้วยชื่อชั้นของทีมและผู้เล่น แค่น่าเสียดาย ที่เจ้าภาพที่จัดเต็มแบบสุดๆ อดลุ้นเหรียญทองประวัติศาสตร์ของพวกเค้า

แต่เอาเถอะ อย่างน้อยๆ ญี่ปุ่น ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว ว่าพวกเค้ากำลังไล่จี้พวกพี่เบิ้มแบบไม่หยุดหายใจ หากใครหยุดพัฒนา รับรองโดยพวกเค้าแซงหน้าในอนาคต แน่ๆ

By KICKOFF

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *