เอเอฟเอฟ แชมเปี้ยนชิพ 2021 รอบชิงชนะเลิศ ศึกครองจ้าวอาเซียน ที่ยังวนเวียนอยู่แค่นี้

ผ่านไปแล้วสำหรับ เอเอฟเอฟ แชมเปี้ยนชิพ 2021 รอบชิงชนะเลิศ หลังจากเกมนัดชิงชนะเลิศ ทั้งสองนัด ผ่านไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเราก็ได้รู้แล้วว่า ทีมชาติไทย สามารถคว้าแชมป์มาครองได้ หลังจากที่ครั้งก่อน เป็น ทีมชาติเวียดนาม ที่สามารถคว้าแชมป์รายการนี้ไปครอง

โดย เก่งหลังเกม ก็ไม่พลาด ที่จะมาสรุปเกมนัดชิงชนะเลิศ ทั้งสองนัด ให้เพื่อนๆ ได้รับชมกัน พร้อมกับ บทวิเคราะห์ฟุตบอล ในสไตล์ของพวกเรา

เอเอฟเอฟ แชมเปี้ยนชิพ 2021 รอบชิงชนะเลิศ ศึกครองจ้าวอาเซียน ที่ยังวนเวียนอยู่แค่นี้

อย่างที่เรียนให้ทราบ รอบชิงชนะเลิศ ของรายการนี้ แบ่งออกเป็นสองนัด แต่เดิมทียังพอเข้าใจได้ เพราะยังใช้ระบบ เหย้า-เยือน แต่ครั้งนี้ ที่ทำการแข่งขันกัน ที่ประเทศสิงคโปร์ ตลอดทั้งรายการ ก็ยังคงแข่งเป็นสองนัด อีกเช่นเคย

เริ่มจากนัดแรก ทีมชาติไทย มีการปรับบางตำแหน่ง อย่างแบ็คขวา ส่ง ฟิลิป โรลเลอร์ ลงเป็นตัวจริง แทน นฤบดินทร์ ที่เหลือก็จัดทัพที่ดีที่สุด โดยไม่มี ธีราทร บุญมาทัน ที่ติดโทษแบน ซึ่งทาง มาโน่ โพลกิ้ง ยังติดใจใช้ ทริสตอง โด ลงเล่นอีกเช่นเคย

ส่วนผู้รักษาประตูใช้ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน หลังจากที่ ฉัตรชัย บุตรพรม เจ็บเข่าจนหมดสิทธิ์ช่วยทีม ส่วนแนวรุก มีทาง บดินทร์ ผาลา ที่เกมนี้ได้ออกสตาร์ทตัวจริง ยืนประจำการริมเส้นทางด้านซ้าย

ต้องบอกว่าเกมนี้ ไทย มาดีกว่าเยอะ และก็ขึ้นนำเร็วจาก ชนาธิป สรงกระสินธ์ ซึ่งต้องชม การลากตะลุยของ ฟิลิป โรลเลอร์ ที่ใช้ความเร็ว เล่นงานคู่แข่งได้ชัดเจน ต่างกับทาง นฤบดินทร์ ที่ดูจะเป็นแบ็คสายครอสบอล ซะมากกว่า

อีกคนที่ทำผลงานได้โดดเด่น คือทาง บดินทร์ ผาลา ที่เป็นอีกคน ที่สามารถแจ้งเกิดกับทีมชาติไทย ได้แบบเต็มตัวอีกคน นอกจากทาง กฤษดา กาแมน กับทาง วีระเทพ ป้อมพันธุ์

รายหลัง เกมนี้ก็ได้ออกสตาร์ทตัวจริง รวมถึงต้องไปเล่นกองหลังจำเป็น เนื่องจาก เอเลียส ดอเลาะ ได้รับบาดเจ็บ จนกองหลังของเรา หายหมดเกือบยกทีม

ในครึ่งหลัง ไทย มาได้เพิ่มอีกสามประตู เริ่มจาก เมสซี่เจ ทำประตูที่สองของตัวเอง ในเกมนี้ ร่วมด้วย สุภโชค สารชาติ และ บดินทร์ ผาลา โดยทั้งสามราย โชว์ผลงานในเกมนี้ได้อย่างสุดยอด เป็นคีย์แมนสำคัญ กับเกมรุกของ ทีมชาติไทย

ทำให้ในนัดแรก ทัพช้างศึก กุมความได้เปรียบไว้ 4-0 ซึ่งต้องบอกว่าทาง อิเหนา เอง ก็พยายามสู้สุดใจแล้ว แต่ร่างกายอาจจะกรอบมาก เพราะเพิ่งเล่น 120 นาที กับเจ้าภาพมาในนัดก่อน รวมถึงอายุเฉลี่ยของทีม ค่อนข้างที่จะน้อย

ในนัดที่สอง มาโน่ ยังคงพยายามจัดชุด ที่ดีที่สุด แสดงให้เห็นถึงความไม่ประมาท แม้ว่าในนัดแรก จะกุมความได้เปรียบอย่างมหาศาล หากจะพลาดแชมป์ ต้องให้ทาง อินโดนีเซีย เอาชนะถึง 5 ประตูขึ้นไป ซึ่งฟอร์มจากนัดแรก ดูจะเป็นไปไม่ได้เลย

นัดนี้ไทยส่งทั้ง โก๋อุ้ม และ เทพมุ้ย รวมถึงกัปตันอย่าง ชนาธิป แต่ที่น่าสนใจคือ มิดฟิลด์ตัวกลาง ใช้ สารัช อยู่เย็น ยืนคู่กับ ธนวัฒน์ ซึ้งจิตรถาวร ที่พูดกันตรงๆ คือ ไม่มีกองกลางตัวตัดเกมซักคน

ทำให้ทาง อินโด ที่ดูจะยังไม่ยอมแพ้ ขึ้นนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว ตรงนี้ต้องชมใจ ของนักเตะอินโด เพราะพวกเขาดูจะยังไม่หมดหวัง แม้จะตามหลังค่อนข้างเยอะ แต่ลูกตุกติก ลูกนอกเกม หาแทบไม่เจอ

ก่อนที่ในครึ่งหลัง ทางกุนซือทัพช้างศึก จะมีการปรับทัพหลายตำแหน่ง โดยการเปลี่ยนตัวทีเดียว 3 ตำแหน่ง ทั้งกองหน้าตัวเป้า กองกลาง และกองหลัง แล้วก็ได้ผลพอสมควร

เพราะทาง ช้างศึก ใช้เวลาไม่นาน ก็สามารถตีเสมอ รวมถึงแซงนำได้สำเร็จ จากประตูของ อดิศักดิ์ ไกรสร และ สารัช อยู่เย็น ทำให้ทาง ทีมชาติไทย กลับมาขึ้นนำเป็น 2-1

ก่อนที่ในช่วงท้ายเกม อินโดนีเซีย จะมายิงตีเสมอเป็น 2-2 แล้วก็จบเกมไปทั้งอย่างนั้น ทำให้ทาง ไทย กลับมาทวงบัลลังก์ จ้าวอาเซียน ได้สำเร็จ หลังครั้งก่อน ขาดตัวหลักหลายคน จนทำได้เพียงจบที่รอบรองชนะเลิศ

โดย เมสซี่เจ สามารถคว้า MVP หรือรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า ได้เป็นครั้งที่ 3 มากที่สุดในรายการ พร้อมทั้งคว้ารางวัลดาวซัลโว ร่วมกับ ธีรศิลป์ แดงดา ที่จำนวน 4 ประตู

แฟนบอลโปรไลเซนส์

By KICKOFF

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *