ควันหลง ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน หรือ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ครั้งล่าสุด ซึ่งแฟนบอลชาวไทยทุกคน น่าจะได้เห็นนักเตะหลายคน โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งแข้งซีเนียร์หลายต่อหลายคน รวมถึง แข้งแจ้งเกิดทัพช้างศึก ในรายการนี้ ก็มีอยู่ไม่น้อย เช่นเดียวกัน
วันนี้ เก่งหลังเกม เลยจะมาสรุป รายชื่อนักเตะ ที่สามารถแจ้งเกิด กับทีมชาติไทยได้เต็มตัว จากทัวร์นาเม้นต์นี้ พร้อม บทวิเคราะห์ฟุตบอล ในสไตล์ของพวกเรา
แข้งแจ้งเกิดทัพช้างศึก ในฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ครั้งล่าสุด
1. กฤษดา กาแมน
คนแรก คงเป็นใครไปไม่ได้ โดย เจ้า และห์ เป็นหนึ่งในผลผลิตของ ชลบุรี อคาเดมี่ ที่ทาง ฉลามชล ค่อนข้างภูมิใจ แม้ตำแหน่งหลักของเจ้าตัว จะเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง หรือกองกลางตัวรับ
แต่การเล่นให้กับ ช้างศึก ในทัวร์นาเม้นต์ที่ผ่านมา รับบทปราการหลังตัวกลาง ตั้งแต่นัดแรกยันนัดสุดท้าย มีได้พักเพียงเกมเดียว ในเกมรอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย กับเจ้าภาพ อย่าง สิงคโปร์
แม้ส่วนสูงประมาณ 176 เซนติเมตร ซึ่งดูแล้วค่อนข้างน้อย หากเทียบในตำแหน่ง เซ็นเตอร์แบ็ค แต่ลูกโด่งก็ทำอะไรเจ้าตัวไม่ได้ ด้วยการยืนตำแหน่งที่ยอดเยี่ยม ทำให้ดักโหม่งได้ตลอด
และนี่ยังเป็นเพียง รายการแรก ที่เจ้าตัวได้รับใช้ชาติ แต่ฟอร์มก็ต้องบอกเลยว่า แบกแผงหลังพอสมควร และดูไทยลีก จะเล็กไปแล้ว สำหรับเจ้าตัว และด้วยวัยเพียง 22 ปี น่าจะเป็นตัวหลัก ให้กับทีมชาติไทย ไปอีกเป็น 10 ปี แน่นอน
2. วีระเทพ ป้อมพันธุ์
จารย์เตอร์ แห่งรั้ว กิเลนผยอง อดีตเทพฟุตซอล ที่เบนเข็มมาเล่นสนามใหญ่ และสามารถแจ้งเกิด กับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้สำเร็จ ในสองฤดูกาลที่ผ่านมา หลังอดีตบิ๊กทีมไทยลีก ได้ขายแข้งซีเนียร์ชื่อดัง ออกไปจนยกทีม
จนทำให้ ดาวรุ่ง หลายคนในทีม ได้โอกาสพิสูจน์ตัวเอง จนแจ้งเกิด ยึดตำแหน่งตัวจริงในทีม จนกระทั่งบางราย อย่าง วีระเทพ สามารถก้าวขึ้นมาติดทีมชาติ ได้ในรายการนี้ เป็นนัดแรก
โดย เจ้าเตอร์ ได้โอกาสสัมผัสเกมนัดแรก ในเกมกับ สิงคโปร์ โดยเจ้าตัวทำให้ โค้ชของสิงคโปร์ ต้องกลุ้มใจจนอยากร้องไห้ เพราะไม่สามารถ ต้านทานเกมสวนกลับ ของ ไทย ได้เลย ซึ่งคีย์แมนก็คือ วีระเทพ ที่คุมเกมไว้ได้ อย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งรุกทั้งรับ
แม้ในเกมหลังๆ จะต้องโยกมาเล่น เซ็นเตอร์แบ็ค ในหลายๆ ครั้ง แต่เจ้าตัวก็โชว์สกิลเกมรับ ช่วยให้ ไทย คว้าแชมป์ เอเอฟเอฟ แชมเปี้ยนชิพ มาได้ อย่างงดงาม พร้อมการยอมรับ จากแฟนบอลไทย รวมถึงกูรูทุกสำนัก
3. บดินทร์ ผาลา
อีกหนึ่งนักฟุตบอล ที่เบนเข็มมาจากฟุตซอล ซึ่งแฟนบอลไทยเก่าๆ อาจจะคุ้นชื่อกันดี เพราะได้โอกาสพิสูจน์ตัวเอง กับทีมใหญ่อย่าง บางกอกกลาส ตั้งแต่อายุยังน้อย ก่อนที่ปัจจุบัน จะกลายมาเป็นตัวหลักของ สิงห์เจ้าท่า
โดยแนวรุกวัย 27 ปี จากสโมสร การท่าเรือ ในช่วงแรกๆ เจ้าตัวยังไม่ได้รับโอกาส ในการลงสนามมากนัก แต่ทุกครั้งที่ลงสนาม สามารถสร้างอิมแพ็ค ให้กับเกมรุกของ ช้างศึก ได้เป็นอย่างดี
ในรอบชิงชนะเลิศ ที่พบกับ อินโดนีเซีย เจ้าตัวได้โอกาส ออกสตาร์เป็น 11 ผู้เล่นตัวจริงทั้งสองนัด และสามารถทำผลงานได้เป็นอย่างดี ทั้งการขึ้นเกมรุก การชนะในการดวลตัวต่อตัว และมีส่วนกับประตู ทั้งยิงทั้งจ่าย
แม้ด้วยอายุของเจ้าตัว จะถือว่ากำลังอยู่ในจุดพีค น่าจะไม่ได้มีโอกาส ออกไปค้าแข้งยังต่างประเทศ แต่เชื่อเหลือเกิน ว่าอนาคตกับ ทีมชาติไทยชุดใหญ่ น่าจะมีชื่อของเจ้าตัว ไปอีกนานหลายปี
4. ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร
กองกลางวัยรุ่น ที่ปัจจุบันค้าแข้ง อยู่ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กับสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ โดยเจ้ากันในวัย 22 ปี กลายเป็นขาประจำ ของทีมชาติไทยในระยะหลังไปแล้ว แม้ในรายการนี้ จะได้ลงสนาม สลับกับนั่งที่ม้านั่งก็ตาม
แต่ด้วยเซนส์บอล ของเจ้าตัว รวมถึงเป็นนักฟุตบอลสมัยใหม่ ที่สามารถเล่นบอลเพลสซิ่ง ได้เป็นอย่างดี ผิดกับนักเตะไทยหน้าเก่าๆ ที่ถนัดเล่นเกมรับ แบบตั้งโซน อันเป็นที่รู้กันว่า มันล้าสมัยไปแล้ว
แม้เรื่องความสามารถ จะพูดได้ว่าฝีเท้า เหนือพี่ๆ ในตำแหน่งเดียวกันไปไกล เพราะด้วยค้าแข้ง อยู่ในลีกที่คุณภาพ ตั้งแต่ระดับเยาวชน มาตั้งแต่แรก แต่ก็มีจุดอ่อนเรื่องประสบการณ์
เพราะเจ้าตัว แทบจะไม่ได้สัมผัส เกมการแข่งขันจริง ของทีมชุดใหญ่มากนัก แต่นั่นก็เชื่อว่า เวลาจะทำให้เจ้าตัว กลายเป็นมิดฟิลด์ตัวเลือกแรกของทีมชาติไทย แบบไม่ต้องมีใครสงสัยเลย
แฟนบอลโปรไลเซนส์