วิเคราะห์ การเสริมทัพ พรีเมียร์ลีก ในตลาดหนนี้

ในขณะที่เกมลีก เกือบทั่วโลก กำลังอยู่ในช่วงพักแข่ง เนื่องจากเข้าสู่ช่วง ฟีฟ่าเดย์ ที่นักเตะทีมใหญ่ๆ จะต้องเดินทางไปรับใช้ชาติ ช่วงพักเบรกแบบนี้ เลยอยากจะมาชวนเพื่อนๆ คุย เกี่ยวกับ การเสริมทัพ พรีเมียร์ลีก ที่ถือว่าเป็นลีกไฮไลท์ และมีดีลที่น่าตกตะลึงมากมาย ทั้งๆ ที่หลายๆ ลีกถือว่าเงียบไปพอสมควร หลังจากเจอกับวิกฤติโควิด-19 จนกระทบไปทุกภาคส่วน

โดย Kickoff88 จะลองมาวิเคราะห์เกี่ยวกับสถานการณ์ การใช้เงินในตลาดรอบนี้ของศึก พรีเมียร์ลีก พร้อมหาเหตุผล ว่าทำไม พวกเค้าถึงยังเป็นลีกที่ใช้เงิน ในตลาดซื้อขายได้มาก ทั้งๆ ที่ทั่วโลกมีการใช้เงินน้อยลง อย่างมีนัยยะ

วิเคราะห์ การเสริมทัพ พรีเมียร์ลีก ในตลาดหนนี้

เริ่มจากทีมที่ใช้เงินเยอะที่สุด ถือว่าค่อนน่าแปลกใจพอสมควร เพราะกลายมาเป็น อาร์เซน่อล ที่ในอดีตไม่กี่ปีก่อนหน้า โดนตราหน้าจากแฟนบอลพอสมควร ว่ามีเจ้าของสุดงก ไม่ควักเงินช่วยสโมสรจับจ่ายเลย ซักเพนนีเดียว ตั้งแต่มาเทคโอเวอร์สโมสร

แต่ฤดูกาลนี้พวกเค้าทุ่มเงินมากที่สุดในตลาด ด้วยการคว้า นูโน่ ตาวาเรส, อัลเบิร์ต แซมบี้ โลกองก้า, เบน ไวท์, มาร์ติน โอเดการ์ด, อารอน แรมส์เดล และปิดท้ายในวันปิดตลาดด้วยการดึง ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ กองหลังสารพัดประโยชน์ มาเพิ่มอีกราย

แต่ระยะยาว ดูแล้วมีปัญหาแน่ เนื่องจากรายเดียว ที่กุนซือของทีม อย่าง มิเกล อาร์เตต้า กับ เอดู ผู้บริหาร เห็นตรงกัน มีเพียงดีลของ โอเดการ์ด เท่านั้น แถมผลงาน การออกสตาร์ทในพรีเมียร์ลีก 3 นัดแรก ด้วยความพ่ายแพ้ทั้งหมด ดูแล้ว อาร์เตต้า มีแววได้กระเด็นจากเก้าอี้แน่ๆ

ส่วนทีมม้ามืดจากปีก่อน อย่าง แอสตัน วิลล่า ยังร้อนแรง เสริมทัพด้วย เลออน ไบลีย์, เอมิเลียโน บูเอนเดีย, แอชลีย์ ยัง และ แดนนี่ อิงส์ มาด้วยเงินรวมกันไม่ถึง 100 ล้านปอนด์ น้อยกว่าค่าตัวที่พวกเค้าปล่อย แจ็ค เกรียลิช ไปให้กับทาง แมนซิตี้

ซึ่งผลงานในช่วงแรก ยังทรงๆ ชนะ เสมอ แพ้ มาอย่างละนัด เกมรับที่เคยขึ้นชื่อของพวกเค้า ต้องบอกว่ามีปัญหาพอสมควร ส่วนเกมรุก การขาดไปของ เกรียลิช ดูยังไม่ส่งผลเท่าไหร่ อาจจะต้องดูกันยาวๆ ครับ สำหรับทาง วิลล่า

ด้านทีมที่น่าสนใจที่สุดในตลาดรอบนี้ ต้องยกให้ทาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบปฏิเสธได้ยาก เพราะนอกจากจบมหากาพย์ จาดอน ซานโช่ ทางปีศาจแดงยังได้ตัว ราฟาเอล วาราน และปิดท้ายด้วยดีลบรรลือโลก ด้วยการดึง คริสเตียโน โรนัลโด้ กลับบ้าน

ผลงานสามนัดแรกยังไม่ค่อยน่าประทับใจ แม้จะชนะ 2 เสมอ 1 แต่เอาจริงๆ ควรจะชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 1 ด้วยซ้ำ จากฟอร์มการเล่น และหากกรรมการไม่ตาถั่ว ดูทรงแล้วจุดอ่อนเดียวคือตัวกุนซือ ที่ยังไม่มีแผนการเล่นที่ชัดเจน อาศัยเพียงความสามารถของนักเตะเท่านั้น

เช่นเดียวกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ก็เสริมทีมได้น่าสนใจ ด้วยการดึง แพตสัน ดาก้า, บูบาการี่ ซูมาเร่, ไรอัน เบอร์ทรานด์ และ ยานนิค เวสเตอร์การ์ด เพื่อทดแทนผู้เล่นที่จากไป รวมถึงแทน โฟฟาน่า ที่เจ็บยาว แต่ตัวหลักในสามเกมแรกยังเป็นตัวเดิมๆ ทั้งนั้น

แม้จะเก็บได้ 6 แต้ม จากสามนัดแรก แต่ต้องยอมรับตามตรง ว่าบอลของ ร็อดเจอร์ส ดูไม่เป็นทรง อาศัยเพียงความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะ ต้องมาดูว่าช่วงท้ายฤดูกาล จะฟอร์มตกอีกหรือไม่

ส่วน 3 บิ๊กอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล และ เชลซี ที่เสริมทีมไม่มาก แต่เน้นอาวุธหนักล้วนๆ โดย เรือใบสีฟ้า เสริม แจ็ค เกรียลิช ด้วยค่าตัวสถิติพรีเมียร์ลีก ส่วน หงส์แดง มาแบบติ๋มๆ เสริม อิบราฮิม่า โกนาเต้ เพียงรายเดียว

แต่ลำพังผู้เล่นเก่าๆ หายเจ็บกลับมาครบ ก็ดีมากแล้ว เพราะอย่าลืมว่าผู้เล่นตัวหลักชุดแชมป์ยุโรป ต่อด้วยแชมป์ลีก แบบไร้เทียมทานยังอยู่กันเกือบครบ แถมแต่ละคนก็ยังอยู่ในวัยพีค ไม่ได้ดรอปไปตามอายุ

ส่วน สิงโตน้ำเงินคราม ปิดจุดอ่อนของตัวเอง ด้วยการดึง โรเมลู ลูกากู มาเสริมในตำแหน่งหน้าเป้า ที่ทีมมีปัญหามาอย่างยาวนาน ทำให้แชมป์ยุโรปทีมล่าสุด พร้อมท้าชิงแชมป์ลีกแบบเต็มตัว ร่วมกับทาง แมนยู และ ลิเวอร์พูล

ซึ่งทั้งสามทีมเก็บได้ 7 แต้มจาก 3 นัดแรก ถือว่าออกตัวได้ไม่ดีไม่แย่ เพราะทางเป้าหมายที่พวกเค้าต้องไล่ตามอย่าง เรือใบ เก็บได้ 6 แต้มจาก 3 นัด เนื่องจากพ่ายในเกมเปิดสนาม ต่อ สเปอร์ส

และทาง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เอง เสริมทีมได้น่าสนใจ หลังดึง ฟาบิโอ ปาราติซี่ มานั่งตำแหน่ง ผู้อำนวยการกีฬาของสโมสร มีการดึง คริสเตียน โรเมโร่ และ ปิแอร์ลุยจิ กอลลินี่ จาก อตาลันต้า รวมถึงเล่นแร่แปรธาตุ

โดยการดึงตัว ไบรอัล กิล ปีกดาวรุ่งจาก เซบีย่า สลับกับ เอริค ลาเมล่า บวกกับเงินหลายสิบล้าน ปิดท้ายด้วย เอเมอร์ซอน ในตำแหน่งแบ็คขวา และปล่อยผู้เล่นหลายราย ที่เลยจุดพีคออกจากทีมไป ในปัจจุบัน พวกเขาสามารถเก็บได้ 9 แต้มเต็ม เป็นทีมเดียวในลีก

บทสรุป

ส่วนทีมที่เหลือ ส่วนใหญ่ก็จับจ่าย ใช้เงินกันพอสมควร ซึ่งแตกต่างกับทีมในลีกอื่นๆ โดยสิ้นเชิง หากดูให้ดี จะเห็นว่าทีมพรีเมียร์ลีก ในตลาดหนนี้ เน้นจับจ่าย ซื้อตัวทีมจาก ลาลีกา สเปน และ กัลโช่ เซเรีย อา กันเป็นหลัก

เนื่องจากทั้งสองลีก เจอปัญหาโควิด เล่นงาน จนกระทบกับเม็ดเงินของสโมสร ต่างจากทีมในพรีเมียร์ลีก ที่ยังรับทรัพย์จาการถ่ายทอดสดแบบอู้ฟู้ จึงเห็นว่าหลายราย ที่ย้ายทีมในตลาดหนนี้ มีราคาน้อยกว่าที่ควรจะเป็น

เพราะต้องยอมรับว่า ผลประโยชน์ในการเล่นในลีกสูงสุด บนแผ่นดินอังกฤษ นั้นมีมากมายมหาศาล รวมถึงการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง หากทีมใดได้ไปเล่นบอลยุโรป มีโอกาสต่อยอดเรื่องรายได้ ไปอีกไกลพอสมควร

อย่าง แมนซิตี้ จริงๆ แล้วเล็ง แฮร์รี่ เคน ไว้อีกคน ด้วยค่าตัวเกินกว่า 100 ล้านปอนด์ แต่ติดที่ทาง สเปอร์ส ปักป้ายไว้ที่ 150 ล้านปอนด์ ต่ำกว่านี้ ไม่ต้องมาคุยกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ดีลนี้ไม่เกิดขึ้น

ส่วนทาง ลิเวอร์พูล แม้ดูผิวเผินจะไม่ได้เสริมทีมมาก แต่พวกเค้าก็ได้ใช้เงินไปกับการต่อสัญญาตัวหลัก หลายต่อหลายคน และการเสริมทัพของพวกเขาในช่วงหลัง เป็นการระวังไม่ให้ตัวหลักเข้าสู่ช่วงสูงวัยพร้อมๆ กัน เหมือนที่เคยเกินขึ้นมา สมัยยุครุ่งเรื่อง

ต่างจากทีมที่เสริมค่อนข้างเยอะ อย่าง อาร์เซน่อล ดูแล้วยังมองไม่เห็น ว่าจะมีใครเข้ามายกระดับทีมได้ แถมการเล่นก็ยังไม่มีแบบแผนชัดเจน ดูแล้วยังห่างไกล จากเป้าหมายที่จะเทียบเคียงทีมหัวตารางในเวลานี้

เทียบกับทาง เชลซี ที่ปีก่อนยังมีช่องว่าง ระหว่างพวกเค้ากับแชมเปี้ยนส์ อย่าง แมนซิตี้ อยู่พอสมควร แต่การแก้จุดอ่อน แบบเจ็บแล้วจบ กูรูหลายคนจึงยกให้พวกเขา เป็นตัวเต็งที่จะท้าชิงแชมป์ลีกกับทาง เรือใบสีฟ้า มากที่สุดเลยด้วยซ้ำ

ปิดท้ายด้วย แมนยู ของ โอเล่ ที่เสริมทีมได้ดี แต่ดูแล้วการเล่นยังดีแต่ตบเด็กเท่านั้น การเจอกับทีมที่เป็นบอลมีทรง เผลอๆ ยังสู้ไม่ได้เลย จะดีกว่าก็แค่ความสามารถของผู้เล่น รวมถึงการตัดสินของกรรมการ ในบางจังหวะเท่านั้น ดูแล้วยังต้องเสริมทีมอีก หรือเปลี่ยนโค้ชโน่นแหละครับ

แฟนบอลโปรไลเซนส์

By KICKOFF

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *