ชนาธิป กับ ฟรอนตาเล่

มาพูดถึงนักเตะไทยอย่าง เมสซี่เจ กันซักหน่อย หลังจากที่เจ้าตัว ย้ายไปอยู่กับ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ โคตรทีมอันดับหนึ่ง ของวงการฟุตบอลญี่ปุ่น ว่าในฤดูกาลนี้ ผลงานของ ชนาธิป กับ ฟรอนตาเล่ ถือว่าสอบผ่านหรือไม่

โดยวันนี้ เก่งหลังเกม ขอพาเพื่อนๆ ไปวิเคราะห์ฟอร์มของเจ้าตัว รวมถึงสาเหตุต่างๆ ที่ทำให้ผลงานของเจ้าตัว กับสโมสรใหม่ ออกมาในแบบนี้

ชนาธิป กับ ฟรอนตาเล่ ผลงานของเจ้าตัว ถือว่าสอบผ่านหรือไม่

ก็ผ่านไปเกือบปีแล้ว ตั้งแต่ “เมสซี่เจชนาธิป สรงกระสินธ์ ได้ย้ายไปร่วมทีม คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ทีมอันดับหนึ่งของ วงการฟุตบอลญี่ปุ่น ใน พ.ศ. นี้

หลังจากที่เจ้าตัว โชว์ฟอร์มกับ ฮอกไกโด คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ได้อย่างยอดเยี่ยม แบบที่เรียกได้ว่า เป็นแกนกลางในเกมรุกของทีม จากแดนเหนือสุดของประเทศ

ทำให้ทาง ฟรอนตาเล่ ยอมทุ่มเงินมหาศาล โดยเป็นสถิติ การย้ายทีมที่มี ค่าตัวแพงที่สุด ในการย้ายภายในประเทศ ซึ่งแน่นอนว่า ได้รับการจับตามอง จากทั่วประเทศ

เหตุผลสำคัญ ที่ทำให้ดีลดังกล่าวเกิดขึ้น ส่วนนึงก็มาจาก ฟอร์มอันยอดเยี่ยมของเจ้าตัว ในการมารับใช้ ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ลงเล่น ในศึก อาเซียน คัพ เมื่อช่วงปลายปี 2021

แต่เชื่อว่าจริงๆ แล้ว มาจากการที่พวกเขา เสียตัวหลักมากมาย ให้กับสโมสรในยุโรป ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ของวงการฟุตบอลญี่ปุ่น ที่ทุกสโมสร จะช่วยกันผลักดันนักเตะ ให้ได้ไปเล่นในต่างประเทศ

คาโอรุ มิโตมะ, เรโอะ ฮาตาเตะ และ อาโอะ ทานากะ คือรายชื่อผู้เล่น ในฤดูกาลล่าสุด ที่พวกเขาต้องเสียไป ซึ่งแต่ละราย ก็สามารถทำผลงาน ได้อย่างยอดเยี่ยม ในสมัยค้าแข้งกับ ฟรอนตาเล่

ดังนั้นดีลของ เมสซี่เจ คือดีลที่ทางสโมสร หมายมั่นปั้นมืออย่างมาก ในการทดแทน นักเตะแต่ละราย ที่บุกไปค้าแข้งในยุโรป ทำให้ตัวของ ชนาธิป เองก็ได้รับโอกาส ในการเล่นเป็นตัวจริง ตั้งแต่ต้นฤดูกาล

แต่ภาพที่แฟนบอล เห็นกันเป็นประจำ คือการโดนเปลี่ยนตัวออก ตั้งแต่ช่วงนาทีที่ 60 แถมส่วนใหญ่ ยังทำผลงานได้ไม่เข้าตา ไม่มีส่วนร่วมกับทีมมากนัก

ทั้งสไตล์การเล่น ที่เน้นการแปะไปแปะมา ในช่วงแรกอาจจะยอมรับได้ ว่าต้องไปเล่นเป็นปีก ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เจ้าตัว ไม่ได้ถนัดนัก แต่ในช่วงหลัง ที่ปรับมาเล่นเป็น มิดฟิลด์ตัวรุก ก็ทำอะไรไม่ได้มาก

กว่าจะมีส่วนโดยตรง ในการได้ประตูของทีม ก็ปาเข้าไป เกมที่ 6 ของฤดูกาล ก่อนที่หลังจากนั้น จะเริ่มเจอกับ อาการบาดเจ็บ จนทำให้หายจากทีมชุดแรก ไปหลายนัด

แม้ว่าจะทำได้ 2 ประตู ในศึกฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก แต่ก็เป็นเกมที่เจอกับ ทีมจากประเทศจีน ที่นำผู้เล่นเยาวชนมาลงเล่น เนื่องจากนโยบายเกี่ยวกับโควิด-19 ในตอนนั้น ส่วนอีกประตู ทำได้ในเกมที่เจอกับ ยะโฮร์

หลังจากนั้น เจ้าตัวแทบจะหลุดจาก ผู้เล่นตัวจริงของทีม แม้จะไม่ได้มีอาการบาดเจ็บ แต่ด้วยความไม่พร้อม หรืออะไรก็ตาม ทำให้เจ้าเจ หายหน้าหายตา จนแฟนบอลทั้งไทย และที่ญี่ปุ่น เริ่มแสดงถึงความเป็นห่วง

จนกระทั่งในช่วงฟีฟ่าเดย์ เจ้าตัวดันมาเจออาการบาดเจ็บ จนอดช่วยทัพช้างศึก ลงเล่นในรายการ คิงส์ คัพ เมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน ที่เพิ่งผ่านมาไม่นาน

ยังดีที่ล่าสุด เจ้าตัวกลับมาเป็นตัวจริง แถมทำ 1 แอสซิสต์ ช่วยทีมเก็บ 3 คะแนนสำคัญ ต่อลมหายใจ ในการลุ้นแชมป์เจลีก ฤดูกาลนี้ ในสองนัดสุดท้าย ซึ่งก็เป็นเพียง แอสซิสต์ที่สองของเจ้าตัว ในฤดูกาลนี้ด้วยเช่นกัน

จาก 32 เกมลีกที่ผ่านมา เจ้าตัวได้ลงเล่นไปเพียง 16 เกม หรือเพียง 50% ของจำนวนเกมทั้งหมด แถมยังไม่มีเกมใดเลย ที่ลงเล่นครบทั้ง 90 นาที หากคำนวนต่อนัด จะลงเล่นเฉลี่ยเพียง 62 นาที ต่อทั้ง 16 เกมที่ว่า

ต้องยอมรับว่า สไตล์การเล่นของ ฟรอนตาเล่ นั้นล้ำหน้าทีมอื่นไปไกล หากใครเคยได้ติดตาม จะรู้ว่าทีมของพวกเขา เล่นฟุตบอลเพลสซิ่งอย่างดุดัน ราวกับสโมสรท็อปๆ ในยุโรป จนกลายเป็นทีมไร้เทียมทาน

ทำให้ตัวของเจ ต้องช่วยทีมเล่นเกมรับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต่างออกไป จากเดิมที่เคยเล่น ในสมัยที่อยู่กับ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ที่ตัวเองเป็นศูนย์กลางในเกมรุก โดยที่จะไม่ได้ช่วยทีม เล่นเกมรับมากนัก

นั่นจึงเป็นปัจจัยหลัก ที่ทำให้เจ้าตัว ไม่เคยลงเล่นครบ 90 นาที ในเกมที่ต้องบดกันหนัก และในการที่ตัวเอง ต้องเพิ่มระดับความฟิต อาจจะเป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้เจ้าตัว เกิดอาการบาดเจ็บอยู่บ่อยครั้ง

ส่วนที่สอง การเล่นของ ฟรอนตาเล่ คือการครองเกมบุกใส่คู่แข่ง ดังนั้นคู่แข่งทุกทีม ที่พวกเขาต้องเจอ จะลงไปแพ็คเกมรับเหนียวแน่น ไม่เปิดช่องให้โจมตีได้ง่ายๆ

แต่การเล่นสมัยอยู่กับ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร คือตรงกันข้ามเลย พวกเขามักจะต้องตั้งรับ แล้วใช้การสวนกลับเร็ว จึงมีพื้นที่ให้ เจ ได้ตะลุยผ่าน รวมถึงการผ่านบอลแบบได้เสีย

เรียกว่าค่อนข้างลำบาก และเป็นงานยากจริงๆ ที่เจ้าตัวจะโชว์ฟอร์มเก่ง กับต้นสังกัดได้ เพราะต้องยอมรับกันตรงๆ ว่านักเตะหลายๆ ราย จะฉายแสงได้ ก็ด้วยแท็คติกที่เหมาะกับตัวเอง

การอยู่กับทีมที่คุณภาพเหนือกว่า แม้จะเป็นเรื่องดี ตรงที่เต็มไปด้วย เพื่อนร่วมทีมที่มีคุณภาพ แต่ก็ต้องแลกมาซึ่ง การที่ต้องเจอกับคู่แข่ง ที่พร้อมทำให้ตัวเอง เล่นได้แบบยากลำบาก

ไม่รู้ว่าในอนาคต เจ้าตัวจะสามารถ ยกระดับตัวเอง เคียงคู่ไปกับทีมที่ดีที่สุดในลีก ได้หรือไม่ แต่หากนับในฤดูกาลนี้ ต้องบอกว่า เมสซี่เจ สอบไม่ผ่านกับ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ แบบรุนแรงเลย

แฟนบอลโปรไลเซนส์

By KICKOFF

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *