บอลยูโร วันที่ยี่สิบเอ็ด

บอลยูโร วันที่ยี่สิบเอ็ด ก็ต่อเนื่องจากเมื่อวาน โดย ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2020 รอบรองชนะเลิศ คู่ที่สอง ซึ่งเป็นเกมระหว่าง อังกฤษ พบกับ เดนมาร์ก ทำให้วันนี้ เก่งหลังเกม จะพามาชวนคุยฟุตบอลคู่ที่แข่งกันไปเมื่อคืน และทำให้เราได้คู่ชิงชนะเลิศของ ฟุตบอลยูโร หนนี้ เรียบร้อยแล้วครับ

ทางทีมงาน Kickoff88 จะมาชวนเพื่อนๆ คุยกันเช่นเคยครับ สำหรับเกมคู่เมื่อคืนที่ แฟนบอลชาวไทยหลายคน น่าจะให้ความสนใจเป็นพิเศษ ตามแบบฉบับ แฟนบอลโปรไลเซนส์ เช่นเคย

วิเคราะห์ฟุตบอล บอลยูโร วันที่ยี่สิบเอ็ด รอบรองชนะเลิศ

ฟุตบอลยูโร รอบรองชนะเลิศ คู่สอง อังกฤษ พบ เดนมาร์ก

เกมนี้ อังกฤษ จะได้เล่นในบ้านตัวเอง เนื่องจากในรอบรองและรอบชิง เตะกันที่ เวมบลีย์ ทั้งสามนัด เกมนี้มีการปรับผู้เล่นนิดหน่อย โดยส่ง บูกาโย่ ซาก้า แทน จาดอน ซานโช่ ที่เล่นไม่ออกในเกมก่อน ด้าน เดนมาร์ก มาด้วยชุดเดิมทั้ง 11 ตำแหน่ง ที่ใช้เป็นหลักมาตลอด

ซึ่งทาง สิงโตคำราม มักใช้แท็คติกเน้นรับไว้ก่อน ทำให้ที่ผ่านๆ มา พวกเค้าไม่โดนล่อเป้ามากนัก และเป็นสาเหตุให้พวกเค้ายังไม่เสียเลยแม้แต่ประตูเดียวในรายการ แต่ในเกมนี้การได้เล่นในบ้านของตัวเอง ท่ามกลางกองเชียร์เต็มสนาม บวกกับเป็นรอบลึกๆ ทำให้เกมนี้พวกเค้าต้องเป็นฝ่ายเปิดเกมรุกแบบเสียไม่ได้

ในช่วงแรก ทั้งสองทีม ต่างฝ่ายต่างบุก และมีโอกาสลุ้นประตูกันทั้งสองทีม โดยทาง โคนม เกือบมาขึ้นนำเร็ว จากจังหวะออกบอลของ จอร์แดน พิคฟอร์ด เขวี้ยงผิด บอลไปเข้าทาง ดามส์การ์ด ดีที่แข้งดาวรุ่งหันหลังอยู่ เลยต้องกลับตัวนาน ไม่สามารถยิงสวนเข้าไปได้

เลยต้องจ่ายให้ มาร์ติน เบรธเวต แทน แต่สุดท้ายแข้งจาก บาร์เซโลน่า ยิงบดออกไปเอง มองแล้วค่อนข้างชัดเจนว่ายิ่งเป็นรอบลึกๆ แข้งของ อังกฤษ บางคน อย่างเช่น พิคฟอร์ด ที่ไม่มีประสบการณ์ในรายการเมเจอร์ ออกอาการ “ล่ก” อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งก็มาจากความกดดัน นั่นเอง

แต่ฝั่งที่ได้เฮไปก่อน คือทาง เดนมาร์ก ที่มาขึ้นนำ จากจังหวะฟรีคิก ซึ่งก็เป็น มิคเกล ดามส์การ์ด ปั่นเข้าไปอย่างสวยงาม โดยแข้งแนวรุกดาวรุ่ง แจ้งเกิดเต็มตัวในรายการนี้ หลัง คริสเตียน อีริคเซ่น หมดสิทธิ์ช่วยทีมตั้งแต่นัดแรก

ฝั่ง อังกฤษ ก็มาตามตีเสมอได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งก็มาจากจังหวะ ถอยมารับบอลของ แฮร์รี่ เคน แล้วจ่ายทะลุช่องให้ บูกาโย่ ซาก้า ปาดกลับเข้ากลาง โดยท้ายที่สุดไปโดน ซิมง เคียร์ ที่เคลียไม่ขาด บอลเลยเข้าไปประตูตัวเอง แต่ถ้าปล่อยผ่านไป ยังไงก็เสร็จ ราฮีม สเตอร์ลิง ที่วิ่งตามมาติดๆ

ช่วงครึ่งหลัง เป็นทางฝั่ง สิงโตคำราม ที่ทำได้ค่อนข้างดีกว่า ยิ่งช่วงผ่าน 70 นาที ยิ่งเห็นชัดเจน ดูจากการเปลี่ยนตัวที่เน้นเกมรุกมากขึ้น โดยเปลี่ยน แจ็ค เกรียลิช มาแทน ซาก้า เพื่อเน้นเกมรุกหวังเอาประตูชัย ด้าน เดนมาร์ก ไม่รู้คิดอะไร ดันเปลี่ยนตัวเล่นดีอย่าง แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก กับ มิคเกล ดามส์การ์ด ออกไปซะอย่างนั้น

ก็ด้วยทาง อังกฤษ ที่มีความหลังไม่ค่อยดีกับการดวลจุดโทษซักเท่าไหร่ เลยหวังพิฆาตให้ได้ในเวลา ส่วน เดนมาร์ก เลยเหมือนเปลี่ยนพวกตัววิ่งเยอะๆ ออก เพื่อเอาตัวสดๆ มาวิ่งไล่อะไรแบบนี้ ทำให้จบ 90 นาทีด้วยสกอร์ 1-1

ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ก็เป็นทาง อังกฤษ เช่นเดิมที่พยายามบุกเพื่อทำประตูให้ได้ แต่ก็ต้องชม แคสเปอร์ ชไมเคิล ที่เกมนี้ช่วยเซฟชีวิตของทาง โคนม ไว้ได้หลายจังหวะ แม้บางจังหวะ พวกแนวรุกอังกฤษอย่าง สเตอร์ลิง จะยิงห่วยเองก็ตาม

แต่จังหวะดราม่าก็มา โดยในช่วงท้ายครึ่งแรกของช่วงต่อเวลา เสี่ยริ่ง ที่ได้จังหวะกระชากจากทางขวา จังหวะที่มุดเข้ากลางแล้วเหมือนรออยู่แล้ว พอนักเตะของ เดนมาร์ก เข้ามาใกล้ๆ เจ้าตัวก็ล้มลงแบบเป็นภาพที่คุ้นชินตา

ต่างกันที่จังหวะนี้ ผู้ตัดสินดันบ้าจี้เป้าให้จุดโทษแม้สุดท้ายจะดู VAR ก็ไม่ช่วย เนื่องจาก VAR ย่อมาจาก Video Assistant Raheem นั่นเอง ซึ่งทาง เคน ที่มืออาชีพมาก่อนสปิริตอยู่แล้ว ก็ยิงกะเอาประตูเต็มที่ แต่ดันยิงไม่ดี บอลถูกเซฟโดย ชไมเคิล แบบไม่ยาก

แต่บอลเจ้ากรรมดันปลิ้นหลุดจากมือ ทำให้ เคน มาซ้ำเข้าไปง่ายๆหลังจากนั้น เดนมาร์ก พยายามจะทวงประตูคืน แต่ก็ยากแล้ว เนื่องจากพวกตัวเด็ดๆ ที่เล่นดีๆ ดันโดนเปลี่ยนออกไปหมด

สุดท้ายก็เลยจบลงด้วยสกอร์ 2-1 และเป็นทาง อังกฤษ ผ่านเข้ารอบชิงไปเจอกับ อิตาลี ส่วน เดนมาร์ก แม้ว่าเส้นทางจะจบลงตรงนี้ แต่ก็ถือว่ามาไกลกว่าที่พวกเค้าคิดไว้แต่แรก มากๆ แล้ว

แฟนบอลโปรไลเซนส์

By KICKOFF

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *