บอลยูโร วันที่ยี่สิบ

บอลยูโร วันที่ยี่สิบ กลับมาพบกับเพื่อนๆ แล้ว หลังจาก ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2020 รอบรองชนะเลิศ กลับมลงแข่งไปเมื่อคืน โดยวันนี้ เก่งหลังเกม จะมาว่ากันถึงเกม รอบรอง คู่แรก ระหว่าง อิตาลี พบกับ สเปน ทำให้เราได้ทีมแรกที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เรียบร้อบแล้ว

พวกเรา Kickoff88 จะมาชวนเพื่อนๆ คุยกันในเกมที่เพิ่งผ่านมา โดยเกมที่ผ่านมาเมื่อคืน ถือว่าค่อนข้างน่าสนใจครับ ยิ่งมีตั๋วในการผ่านเข้าไปรอบชิง ยิ่งทำให้เกมนี้มีความหมายมากยิ่งขึ้น

วิเคราะห์ฟุตบอล บอลยูโร วันที่ยี่สิบ รอบรองชนะเลิศ

ฟุตบอลยูโร รอบรองชนะเลิศ คู่แรก อิตาลี พบ สเปน

อิตาลี เปลี่ยนตำแหน่งเดียว โดยการส่ง เอเมอร์สัน ออกสตาร์ทแทน สปินัซโซล่า ที่เจ็บยาว จนหมดสิทธิ์ลงช่วยทีมในยูโรครั้งนี้ ส่วน สเปน ถือว่าตัดสินใจได้ดี โดยการดรอป เปา ตอร์เรส ที่เล่นกับ อายเมริค ลาปอร์ต ได้ไม่เข้าขา โดยการส่ง เอริค การ์เซีย ที่บางเกมก็ได้ลงเป็นตัวจริง บวกกับ แนวรุก มีการปรับขนานใหญ่ ด้วยฟอร์มของ อัลบาโร่ โมราต้า นั้นน่าผิดหวังสุดๆ ในรายการนี้

ซึ่งขึ้นชื่อว่า สเปน ไม่มีใครไม่รู้พิษสงของพวกเขา โดยทัพ กระทิงดุ ไม่เคยครองเกมได้เป็นรองผู้ใดในปฐพี เกมนี้พวกเค้าอาศัยจุดเด่นในกองกลาง เล่นงาน กองกลางของ อิตาลี ซะหมดสภาพ แม้ทาง อัซซูรี่ จะเป็นทีมที่ครองเกม และแก้การเพลสซิ่งได้ดีทีมนึงในรายการนี้

อย่างไรก็ตาม ก็ต้องยอมรับว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าทีมอย่าง สเปน ยังไงๆ พวกเค้าก็ต้องยอมเป็นรองครับ ซึ่งเกมนี้การสู้เกมแดนกลางไม่ได้ ทำให้ทาง อิตาลี แทบจะตกเป็นเบี้ยล่างให้กับ กระทิงดุ เกือบทั้งเกม จนช่วงเริ่มเกมไปได้ไม่นาน ทาง อิตาลี ยอมแพ้ขอมารอตั้งรับคุมโซน เหมือนกับทีมอื่นๆ

แต่จากแผลเก่าของทาง สเปน ก็ยังคงไม่หาย ด้วยพวกเค้าครองเกมใส่คู่แข่งยับเยิน แบบแทบจะเรียกได้ว่า เอาบอลกลับไปเล่นกันเองที่โรงแรม ในสองนัดแรกในรอบแบ่งกลุ่ม แต่ก็ไม่สามารถทำประตูได้เลยในสองนัดนั้น อันเนื่องมาจากปัญหาในตำแหน่งหน้าเป้า อย่างที่พวกเราเคยพูดบ่อยๆ

บวกกับการเน้นการครองบอลมากเกินไป จนโอกาสฉาบฉวยเข้าทำยังมีน้อย ทำให้สุดท้าย พวกเค้ายังไม่ใกล้เคียงกับประตูขึ้นนำซักเท่าไหร่ ยังดีที่การเพลสซิ่งของพวกเค้ายังดีพอที่จะ “กด” เกมรุกของ อิตาลี จนโงหัวไม่ขึ้น โอกาสสวนกลับสวยๆ แทบไม่มี ทำให้ในช่วงครึ่งแรกยัง เสมอกันอยู่ 0-0

จนกระทั่งในครึ่งหลัง ที่ สเปน บุกจนเพลินแล้วดันเปิดบอลไม่ได้ลุ้น ไปเข้ามือของ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ง่ายๆ แถมไม่มีตัวไปคอยเซฟฟาสเบรค ทำให้ ดอนนารุมม่า สามารถออกบอลเร็วได้ง่ายๆ และเป็นจังหวะที่แทบไม่มีใครคิด ทำให้ อิตาลี ได้จังหวะโต้กลับงามๆ

สุดท้ายเป็นทาง เฟเดริโก้ คิเอซ่า ฮีโร่ในรอบ 16 ทีม ได้ปั่นด้วขวาโค้งๆ เสียบเสาสองเข้าประตูไป กลายเป็น อิตาลี เล่นง่ายขึ้นมาก ส่วน สเปน กลับต้องเร่งเกมมากขึ้นในครึ่งชั่วโมงที่เหลือ และต้องมีการปรับหมากในทันที

ในเมื่อบอลแผน False 9 ไม่สามารถกดดันแนวรับคู่แข่งได้มากพอ ทำให้ต้องอันเชิญ โมราต้า ลงมาค้ำเป็นหน้าเป้า ตรงนี้ค่อนข้างส่งผลพอสมควร เนื่องจากทำให้แผนเกมบุกของ สเปน เปลี่ยนไปจากเดิมจนสิ้นเชิง แถมการประกับตัว ยังน่าจะเป็นเรื่องปวดหัวสำหรับคู่แข่งอย่าง อิตาลี

หลังจากนั้น สเปน ถือว่าหาจังหวะทำประตูได้เยอะขึ้นค่อนข้างชัดเจน แต่สุดท้ายการยิงแบบไม่เน้นให้มากพอ ทำให้กลายเป็นยิงทิ้งยิงขว้างไปหมด และด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ กลายเป็นเปิดช่องให้ทาง อิตาลี ได้โต้มากขึ้น เพราะทั้ง อินซินเย่ และ คิเอซ่า ต่างเป็นพวกไปกับบอลได้ดี แล้วก็มุดหาจังหวะยิงได้เก่ง

ถึงอย่างไร ทาง สเปน ก็มาได้ประตูตีเสมอจนได้ในช่วงนาทีที่ 80 โดยเป็นการออกบอลจากกองหลัง ซึ่ง โมราต้า ที่ลงมารับบอลตรงวงกลมกลางสาม ไม่มีกองกลางของ อิตาลี อยู่ใกล้เลยแม้แต่คนเดียว เนื่องจากกองกลางอย่าง จอร์จินโญ่ และ นิโคโล่ บาเรลล่า ต่างโดนถ่างออกไปประกบกองกลางของ สเปน

ซึ่งก็ด้วยทาง จอ ไม่ได้เป็นนักเตะที่เล่นเกมรับดีเท่าไหร่ บวกกับ อิตาลี ไม่มีมิดฟิลด์ตัวรับแท้ๆ หากเกมไหนได้บุก หลายคนจึงอาจจะมองไม่เห็นจุดอ่อนนี้ แต่การใช้ผู้เล่นแบบนี้แล้วต้องตกเป็นฝ่ายรับ ตำแหน่งมิดฟิลด์ โดยเฉพาะคนที่ยืนอยู่หน้ากองหลัง จะกลายเป็นจุดอ่อนที่คู่แข่งทะลวงได้ง่ายๆ เหมือนกับที่ เชลซี โดนมาตลอด ตอนไม่มี ก็องเต้

จึงเป็นที่มาของประตูตีเสมอ ซึ่ง โมราต้า ที่เล่นห่วยมาทั้งรายการ มาเล่นชิ่งอย่างสวยกับ ดานี่ โอลโม่ ที่เกมนี้ค่อนข้างฉายแสง แล้วยิงผ่าน ดอนนารุมม่า ที่วัดใจทิ้งตัวไปทางซ้ายมือของตัวเอง แต่ปรากฎเขายิงมาทางขวา เลยเป็นลูกยิงที่นิ่มๆ ลูกนึงในรายการนี้

จบ 90 นาทีทั้งสองทีมเสมอกัน 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษ ซึ่งทัพ กระทิงดุ ดูจะไม่ค่อยอยากจะไปลุ้นเท่าไหร่ พยายามเร่งเกมเพื่อเอาประตูชัยให้ได้ ผิดกับทาง อิตาลี ที่อาศัยเล่นลูกทีเผลอ แม้จะยิงเข้าไปลูกนึง แต่ก็โดนจับล้ำหน้าอยู่ดี ทำให้ต้องตัดสินด้วยการยิงจุดโทษ

สุดท้ายเป็นทาง อิตาลี ยิงดีกว่าเยอะ หลายลูกต่อให้พุ่งถูกก็ไม่น่ารับได้ ทำให้พวกเค้าผ่านเข้ารอบชิงเป็นทีมแรก ส่วน สเปน ที่แสนจะอินดี้ ต้องจบเส้นทางเพียงเท่านี้ สำหรับรายการหน้าถ้า หลุยส์ เอ็นริเก้ ได้คุมต่อ พวกเค้าคงจะต้องหาหน้าเป้าที่ดีกว่า โมราต้า ไม่งั้นก็หนังม้วนเดิม

ด้าน อิตาลี พวกเขามาได้ไกลสมกับที่หลายคนหวังไว้ แล้วต่อให้ผลในเกมนัดชิงเป็นยังไง ก็ต้องยอมรับว่าอนาคตของพวกเค้าค่อนข้างไฉไลแน่นอน ด้วยตัวที่เรียกมา ต้องยอมรับว่า มีพวกเจ๋งๆ รอฉายแสงอีกหลายคน และนี่ก็เป็นบอลทีมชาติ เมเจอร์แรกของหลายๆ คนในทีมชุดนี้

แฟนบอลโปรไลเซนส์

By KICKOFF

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *