ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก 2022-23 - 2024-25 เป็นของใคร แฟนบอลไทยควรดีใจหรือไม่

อีกหนึ่งข่าวน่าสนใจ สำหรับแฟนบอลไทย โดยเฉพาะแฟนบอลในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คือการคว้า ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก 2022-23 – 2024-25 ของทาง ทรูวิชั่นส์ ที่เหล่าแฟนบอล ต่างก็ให้ความเห็น ที่แตกต่างกันออกไป

โดย เก่งหลังเกม จะลองมาวิเคราะห์ ในมุมมองของพวกเรา ว่าการคว้าลิขสิทธิ์ของ True 3 ฤดูกาลติด ส่งผลดีหรือผลเสีย กับแฟนบอลชาวไทย อย่างพวกเรา

ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก 2022-23 – 2024-25 เป็นของใคร แฟนบอลไทยควรดีใจหรือไม่

ก่อนอื่นเลย ต้องบอกว่าศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คือลีกขวัญใจชาวไทย แบบที่ไม่มีใครค้าน ซึ่งแฟนบอลส่วนใหญ่ ต่างก็เชียร์สโมสร จากประเทศอังกฤษ กันเกือบทุกคน อาจจะมีบางราย ที่ไม่ได้ติดตามลีกนี้

ด้วยชื่อเสียงระดับวงกว้าง ยังไงลีกนี้ก็เป็นลีก ที่น่าสนใจที่สุด ทำให้ในประเทศไทย ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ต่างก็ได้รับการตอบรับที่ดี มาโดยตลอด ทำให้การถ่ายทอดสด มีคนสนใจมากมาย มหาศาล

แต่อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่เกี่ยวข้องกับ แฟนบอลอย่างพวกเรา อย่างมาก นั่นก็คือเจ้าของลิขสิทธิ์ การถ่ายทอดสด ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ซึ่งเจ้าประจำอย่าง ทรูวิชั่นส์ ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เดิม

ล่าสุดพวกเขา ได้ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก ต่อเนื่อง 3 ฤดูกาล เริ่มตั้งแต่ฤดูกาล 2022/23 ไปจนถึง ฤดูกาล 2024/25 ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ จากเหล่าแฟนบอลกัน เป็นเรื่องธรรมดา

ปัจจัยสำคัญ อาจจะมาจากเรื่องเม็ดเงิน เพราะรู้กันดีอยู่ว่า ลิขสิทธิ์การถ่ายทอด ของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก มีข้อกำหนดอย่างหนึ่ง คือตัวเลขต้องสูงขึ้นเสมอ ซึ่งท่ามกลางสถานการ์โควิด ไม่มีใครสายป่านยาว เท่าพวกเขาอีกแล้ว

โดยนับจากอดีต ตั้งแต่พวกเขา ทำธุรกิจเพย์ทีวี ลิขสิทธิ์ของพรีเมียร์ลีก ก็อยู่ในมือของพวกเขา มาโดยตลอด ยกเว้นช่วง 6 ปี ที่พลาดทำลิขสิทธิ์หลุดมือ เริ่มจากปี 2013 – 2016 ที่ไปอยู่ในมือของ CTH

แต่ในภายหลัง บริษัท CTH ก็ถึงขั้นเจ๊ง เพราะดันไปทุ่มประมูลกว่า 9,000 ล้านบาท แต่ไม่มีคอนเทนต์อื่นใด ที่น่าสนใจเลย แถมเรื่องโปรดักชั่น ทั้งในส่วนของผู้บรรยาย รวมถึงเจ้าหน้าที่ต่างๆ ต้องบอกว่าสอบตก

ต่อมาในปี 2016 – 2019 ลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปลี่ยนไปอยู่ในมือของ BeIN SportS แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ ก็จับมือเป็นพันธมิตรธุรกิจ โดยถ่ายทอดสดผ่าน ทรูวิชั่นส์ อีกทอดนึง

ก่อนที่ในปี 2019 – 2022 ลิขสิทธิ์ดังกล่าว จะกลับมาอยู่ในมือของ True อีกครั้ง ซึ่งก็แน่นอนว่า ทรูวิชั่นส์ ไม่ทำให้แฟนบอลไทยผิดหวัง เพราะทั้งทีมงาน และการจัดการหลังบ้าน พวกเขาถือว่ามีมือดีอยู่มากมาย

ซึ่งการที่ เจ้าของลิขสิทธิ์เดิม ได้ลิขสิทธิ์ต่อเนื่อง จะทำให้แฟนบอลไทย ได้รับความสะดวกสบาย ไม่ต้องดิ้นรนยกเลิก และติดตั้งเพย์ทีวี เจ้าใหม่ให้วุ่นวาย เหมือนกับช่วงที่ CTH เข้ามาบริหาร

ทั้งช่องทางการรับชม ที่หลากหลาย รวมไปถึงแพ็คเกจ ที่ไม่ได้ระบุแบบเจาะจง ให้ดูผ่านสายเคเบิ้ลเท่านั้น ทำให้เหล่าสมาชิก ได้รับความสะดวกสบาย ไปตามๆ กัน โดยเฉพาะ TrueID ที่ทำให้เราสามารถรับชมฟุตบอล ที่ไหนก็ได้

ตัวเลือกก็มีมากมาย จะซื้อเป็นฤดูกาล หรือจะเป็นแบบรายเดือน รายสัปดาห์ หรือแม้กระทั่งเลือกเป็นรายคู่ ผู้บริโภคก็สามารถเลือก เอาที่ตัวเองสะดวกได้เลย เพราะทรู มีโครงค่ายทางอินเตอร์เน็ต พร้อมรองรับไว้แล้ว นั่นเอง

หรือจะเป็นอีกค่าย อย่าง เอไอเอส ที่มี AIS PLAY เป็นตัวชูโรง ปัจจุบันก็ถ่ายทอด ฟุตบอลไทยลีก แต่ก็เชื่อว่าแฟนบอลที่ได้ติดตาม จะรู้สึกคล้ายๆ กัน ว่า ค้างบ่อย ซะเหลือเกิน

อาจจะติดขัดอยู่ไม่กี่อย่าง นั่นคือการรับชมแบบ 4K ที่โดยรวมยังทำได้ไม่ดีนัก หรือจะเป็นราคาของ แพ็คเกจ ดูผ่านเคเบิ้ลส์ทีวี ที่ราคาค่อนข้างสูงพอตัว ยังดีที่มีโปร ชายหก ที่ทำให้สบายกระเป๋าซักหน่อย

แต่โดยรวมแล้ว การที่ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยังคงอยู่ในมือของ ทรูวิชั่นส์ นับว่าดีต่อ ผู้บริโภค ที่เป็นแฟนฟุตบอลแบบพวกเรา เพราะไม่ใช่มีเพียงคอนเทนต์ฟุตบอลเท่านั้น

ยังมีรายการดีๆ ที่น่าสนใจ ให้ผู้บริโภคได้เสพ กันมากกว่าฟุตบอลที่แข่งขันกัน ในช่วงสุดสัปดาห์ หรือกลางสัปดาห์เพียงเท่านั้น มองแล้วแฟนบอลชาวไทย น่าจะสบายใจ ไปได้อีกหลายปีเลย

แฟนบอลโปรไลเซนส์

By KICKOFF

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *