วันนี้พาเพื่อนๆ มา อัพเดท ทีมผ่านเข้ารอบ ฟุตบอลโลก 2022 กันซักหน่อย หลังเกมฟีฟ่าเดย์ช่วงกลางฤดูกาล ครั้งสุดท้ายได้ผ่านไปแล้ว ซึ่งตอนนี้ เกมฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ก็เดินทางมาถึงช่วงท้ายกันแล้ว
โดย เก่งหลังเกม จะพาเพื่อนๆ มาดูกันว่า ในเวลานี้ มีทีมใดกันบ้าง ที่ได้เข้าไปเล่นใน ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ที่กาตาร์ ในช่วงปลายปี หากไม่อยากพลาด บทความฟุตบอล ดีๆ จากพวกเรา อย่าลิมติดตามกันไว้
อัพเดท ทีมผ่านเข้ารอบ ฟุตบอลโลก 2022
โซนเอเชีย
1. กาตาร์ – ชาติเจ้าภาพ ที่ได้เข้ามาเล่นแบบอัตโนมัติ จากโซนเอเชีย ซึ่งทำให้โควต้าของทาง AFC เหลือเพียง 4+1
2. อิหร่าน แชมป์กลุ่ม A ในศึกคัดเลือก โซนเอเชีย รอบที่สาม โดยพวกเขาลอยลำ เข้าป้ายไปตั้งแต่ไก่โห่ จากผลงานอันยอดเยี่ยม
3. เกาหลีใต้ – รองแชมป์กลุ่ม A ซึ่งตามเข้ารอบมาติดๆ จากผลงานที่ทิ้งห่างคู่แข่งร่วมกลุ่ม แบบขาดกระจุย ทำให้กลุ่มนี้ ไม่ได้ลุ้นอะไรในช่วงท้าย
4. ซาอุดิอาระเบีย – มาครั้งนี้ ฟอร์มการเล่นยอดเยี่ยมมาก แม้ผลงานในหลายๆ นัด จะดูมีข้อครหา แต่ในท้ายที่สุด พวกเขาก็ผ่านเข้าไปเล่น ได้สำเร็จ
5. ญี่ปุ่น – ขาประจำของโซนเอเชีย ที่ออกตัวได้น่าหวาดเสียว แต่พอตั้งหลักได้ พวกเขาชนะรวด จนการันตี การผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย
โซนแอฟริกา
6. เซเนกัล – เอาชนะในรอบเพลย์ออฟ ด้วยการดวลจุดโทษ เอาชนะ อียิปต์ มาได้ แม้เกมแรก พวกเขาจะบุกไปแพ้มาก่อน 0-1
7. แคเมอรูน – ประตูชัยในช่วงทดเจ็บ ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ทำให้พวกเขาเอาชนะ แอลจีเรีย ด้วยกฎประตูทีมเยือน เข้ารอบไปแบบสุดดราม่า
8. กาน่า – ผ่าน ไนจีเรีย ด้วยกฎอเวย์โกล เช่นเดียวกัน หลังจากเลกแรกเสมอ 0-0 ก่อนที่จะเสมอกัน ในเลกที่สอง 1-1
9. โมร็อกโก – ทีมหัวแถวของโซน ซึ่งเลกแรกอาจจะลุ้นเหนื่อย แต่พอมาเลกที่สอง เปิดบ้านเอาชนะ คองโก สบายๆ 4-1
10. ตูนีเซีย – ลำบากเหมือนกัน ในรอบเพลย์ออฟ โดยประตูโทน เกิดจากผู้เล่นของ มาลี ทำเข้าประตูตัวเอง ที่เหลือยิงกันไม่เข้า
โซนคอนคาเคฟ (อเมริกาเหนือ)
11. แคนาดา – เข้ารอบไปเล่นรอบสุดท้าย เป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 36 ปีอีกด้วย ด้วยทีมปัจจุบัน ที่เต็มไปด้วยดาวรุ่งมีแวว หลายคน
โซนอเมริกาใต้
12. บราซิล – ขาดไปไม่ได้เลย สำหรับแชมป์สูงสุดของรายการ ที่คุณภาพยังไม่ลด รอบคัดเลือกครั้งนี้ คว้าแชมป์ของโซน แบบลอยลำ
13. อาร์เจนติน่า – ตามมาติดๆ สำหรับเพื่อนรัก ซึ่งครั้งนี้แม้ฟอร์มจะติดๆ ขัดๆ แต่ก็ประคองตัว ผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย ได้แบบสบายๆ
14. อุรุกวัย – เรียกว่าเกือบไปแล้ว หลังออกตัวได้ค่อนข้างแย่ แต่ 4 นัดสุดท้ายชนะรวด เลยสามารถผ่าน เข้าไปเล่นรอบสุดท้ายได้ในที่สุด
15. เอกวาดอร์ – เป็นผลของการออกตัวได้ดี แม้ในช่วงหลัง ฟอร์มจะไม่ค่อยดี แต่การแพ้ยาก ทำให้พวกเขาตุนคะแนน จนได้ไปเล่นรอบสุดท้าย
โซนยุโรป
16. เซอร์เบีย – แชมป์เกมรอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่ม A เบียดยักษ์ใหญ่อย่าง โปรตุเกส เข้าป้ายแชมป์กลุ่ม
17. สเปน – แชมป์เกมรอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่ม B โดยทัพ กระทิงดุ แม้จะฟอร์มไม่เข้มมาก แต่ก็เอาตัวรอด เก็บชัยชนะได้เกือบทุกนัด
18. สวิสเซอร์แลนด์ – แชมป์เกมรอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่ม C ปาดหน้า อิตาลี ในนัดสุดท้าย หลังจากทาง มักกะโรนี ฟอร์มดรอปในช่วงสุดท้าย
19. ฝรั่งเศส – แชมป์เกมรอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่ม D นำแบบม้วนเดียวจบ ซึ่งทางแชมป์เก่า มีลุ้นป้องกันแชมป์ แต่ต้องระวังอาถรรพ์แชมป์เก่า
20. เบลเยี่ยม – แชมป์เกมรอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่ม E สมราคาเบอร์ 1 ของโลก จากการจัดอันดับฟีฟ่า แต่ผลงานในรอบสุดท้าย ยังไปไม่ถึงฝัน
21. เดนมาร์ก – แชมป์เกมรอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่ม F แม้จะเจอเรื่องสะเทือนใจ แต่กลับกลายเป็นว่า พวกเขาฟอร์มดีขึ้นเรื่อยๆ
22. ฮอลแลนด์ – แชมป์เกมรอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่ม G แม้จะได้เสียวอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็คว้าแชมป์กลุ่ม เข้าไปเล่นรอบสุดท้ายได้
23. โครเอเชีย – แชมป์เกมรอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่ม H รองแชมป์โลก เข้ารอบสุดท้าย ในฐานะแชมป์กลุ่มแบบหวุดหวิด ด้วยการเอาชนะ รัสเซีย ได้ในเกมสุดท้าย
24. อังกฤษ – แชมป์เกมรอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่ม I ซึ่งในครั้งนี้ ทัพ สิงโตคำราม นำม้วนเดียวจบ ด้วยผลงาน ที่เริ่มทิ้งห่างทีมอื่นๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ
25. เยอรมัน – แชมป์เกมรอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่ม J โดยทัพ อินทรีเหล็ก เป็นทีมที่สอง ต่อจากชาติเจ้าภาพ ที่ผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย
26. โปรตุเกส – จบเพียงรองแชมป์ของกลุ่ม แต่ก็สามารถผ่านรอบเพลย์ออฟ ได้แบบทุลักทุเล ก่อนที่จะผ่านเข้ารอบสุดท้าย มาได้ในที่สุด
27. โปแลนด์ – รองแชมป์กลุ่มเช่นกัน ซึ่งพวกเขาผ่านรอบเพลย์ออฟ ของสาย B ซึ่งในรอบแรก ชนะบาย รัสเซีย ที่โดนปรับตกรอบ
แฟนบอลโปรไลเซนส์