ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สองทีมที่ดีที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน

เราจะมาชวนเพื่อนๆ คุยเกี่ยวเรื่อง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่หลายคนมองว่า ทั้งคู่คือสองทีมที่ดีที่สุด ในปัจจุบัน ซึ่งความเป็นมาของทั้งคู่จะเป็นยังไง ความดุเดือดของทั้งคู่ เริ่มต้นมาจากจุดไหน วันนี้เราจะมาแถลงไขให้เพื่อนๆ ได้ฟัง

ก่อนอื่น เก่งหลังเกม ก็ขอขอบคุณเพื่อนๆ ที่ติดตามกันมาตลอด ซึ่งพวกเราก็จะมาพร้อบกับ บทวิเคราะห์ฟุตบอล ดีๆ กันเป็นประจำ

ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สองทีมที่ดีที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน

ต้องยอมรับว่า ในปัจจุบันนั้น ทั้งคู่คือสองทีม ที่ดีที่สุดในโลก จากผลงานในช่วงหลัง และคุณภาพของทั้งสองทีม คล้ายกับช่วงหลายปีก่อน ที่เป็นยุคของ เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า สองยักษ์ใหญ่ จากประเทศสเปน

ทั้งผลงาน การแย่งแชมป์ลีกกันอย่างดุเดือด หรือจะดูจากที่ทั้งคู่ เป็นตัวเต็งคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในทุกฤดูกาลที่ผ่านมา รวมไปถึงปีนี้ ที่ทั้งคู่ก็เข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ได้ทั้งสองทีม

อาจจะปฏิเสธได้ยากจริงๆ ว่าชั่วโมงนี้ เป็นของพวกเขาทั้งสองทีม ทั้งโค้ช ทั้งผู้เล่น และนักวิเคราะห์ชื่อดังมากมาย ก็ยอมรับว่า ทีมอื่นๆ ยังคงเป็นรองพวกเขา อยู่ระดับนึง

เริ่มจากทาง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พวกเขาแม้ไม่มีประวัติศาสตร์ ที่ยิ่งใหญ่ยาวนานนัก แต่การบริหารทีม แบบงบไร้จำกัด ย่อมได้เปรียบทีมอื่นๆ เป็นทุนอยู่แล้ว

ยิ่งหลังจากดึงตัว เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยอดโค้ชในยุคนี้ เข้ามาคุมทีมตั้งแต่ปี 2016 พวกเขาก็กลายเป็นเต็ง 1 ที่จะคว้าแชมป์ในทุกรายการที่ลงเล่น ปัจจุบันขาดเพียงถ้วยยูซีแอล ซึ่งเป็นรายการที่พวกเขา หมายมั่นปั่นมือที่สุด

ส่วนแชมป์ฟุตบอลลีก และฟุตบอลถ้วย พวกเขาไม่เคยว่างเว้นเลย แม้ปีแรก เป๊ป จะมือเปล่า แต่ฟุตบอลถ้วยอย่าง คาราบาว คัพ พวกเขาคว้าแชมป์มา 4 ปีติด ตั้งแต่ปี 2017-2021 โดยปีล่าสุด เสียแชมป์ให้กับ ลิเวอร์พูล ไป

ด้านแชมป์พรีเมียร์ลีก ตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา พวกเขาคว้าแชมป์ได้ทุกฤดูกาล ยกเว้นฤดูกาล 2019-2020 ที่เป็นทาง ลิเวอร์พูล อีกตามเคย ที่แย่งแชมป์จากพวกเขาได้สำเร็จ เช่นเดียวกับปีนี้ พวกเขายังคงเป็น ม้าสองตัว ที่คั่วแชมป์กันอยู่

จุดเด่นของพวกเขา คือสไตล์บอลเป๊ป ที่แฟนฟุตบอลรู้จักกันดี บวกด้วยเงินที่ไม่จำกัด ตำแหน่งไหนต้องเสริม สามารถดึงผู้เล่นระดับ 100 ล้าน มานั่งสำรองได้แบบไม่มีปัญหา อย่างเช่นในรายการของ แจ็ค เกรียลิช

ส่วนทางด้าน หงส์แดง พลิกชะตาตัวเองอย่างชัดเจน ตั้งแต่นายใหญ่อย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ เข้ามาคุมทีมกลางเทอม ในฤดูกาล 2015-2016 ซึ่งปีนั้นพวกเขา เข้ารอบชิงบอลถ้วยสองรายการ แต่ก็พลาดไปทั้งสองรายการ

หลังจากนั้น พวกเขาก็ดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้นเป็นต้นมา พวกเขาก็จบ 4 อันดับแรกตลอด จนเป็นอีกปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ทีมก้าวหน้าอยู่เรื่อยๆ มาจนถึงปัจจุบัน เริ่มจากการเสริมนักเตะทีละคนสองคน

โดยในฤดูกาล 2017-2018 พวกเขาเจอจุดเปลี่ยนสำคัญ นักเตะอย่าง เฟลิเป้ คูตินโญ่ ที่เป็นหมากสำคัญของทีม ในแนวรุก กลับงอแงขอย้ายทีม ไหนจะ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค เป้าหมายหลักในช่วงซัมเมอร์ส ก็วืดไป

แต่ช่วงตลาดหน้าหนาว คูตินโญ่ ได้ย้ายสมใจ ส่วน หงส์แดง ก็เอาเงินไปทุ่มซื้อ ฟาน ไดจ์ค และเป็นมูฟสำคัญ ทำให้ทีมได้เข้าสู่รองชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีกด้วย โดยหนึ่งในคู่แข่ง ที่พวกเขาล้มได้ ก็คือ แมนซิตี้ ช่วงขึ้นหม้อ

แม้สุดท้าย พวกเขาจะไปแพ้ในรอบชิงชนะเลิศ ต่อ เรอัล มาดริด แต่พอช่วงปิดฤดูกาล พวกเขาได้ตึงตัว อลิสซอน เบ็คเกอร์ และ ฟาบินโญ่ มาเสริมทีม จนทีมกลับมาคว้าแชมป์ยุโรป ได้ในฤดูกาลถัดมา ส่วนฟุตบอลลีก จบรองแชมป์ โดยมีแต้มตาม แมนซิตี้ เพียงแต้มเดียว

ก่อนที่ในฤดูกาล 2019-2020 พวกเขาจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จ ท่ามกลางปัญหาโควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก แต่หลังจากนั้น ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ยกระดับตัวเองขึ้นเรื่อยๆ และเป็นคู่แข่งแย่งแชมป์กันตลอดมา

ฤดูกาลปัจจุบัน ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ พวกเขามีคะแนนห่างกันเพียงแต้มเดียว และทั้งคู่ ก็ซัดกันในเกมลีกแบบคุณภาพ ระดับ 5 ดาว ทั้งเหย้าและเยือน เช่นเดียวกับ เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ก็จับมาเจอกัน เตรียมทำศึกกันในวันนี้

อีกทั้งฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก็เข้ารอบรองมาด้วยกันทั้งคู่ มีสิทธิ์ที่จะเจอกันเอง ในรอบชิงชนะเลิศ สูงมากๆ ซึ่งเหตุผลสำคัญ คือกุนซือของทั้งคู่อย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นสองโค้ชที่ดีที่สุดในโลก ณ เวลานี้

แม้ทั้งคู่มีดีมีเด่น ในมุมที่แตกต่างกันออกไป แต่หากทั้งคู่ยังคุมทั้งสองสโมสร ต่อไปละก็ ต้องบอกว่า ทั้งคู่ก็ยังจะเป็นคู่แข่งตัวฉกาจ ของกันและกันต่อไป และยากที่ทีมอื่นจะเข้ามาเทียบเคียง

แฟนบอลโปรไลเซนส์

By KICKOFF

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *