สรุปผลฟุตบอล ยูซีแอล 12 เมษายน กับ 2 ทีมแรก ที่ได้เข้าสู่รอบรองชนะเลิศ

เดือดมากๆ สำหรับฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ เลกสอง ในเกมของสองคู่แรก ที่ทำให้เราได้รู้กันแล้ว ว่า 2 ทีมแรก ที่ได้ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ จะเป็นใครกันบ้าง วันนี้เพื่อไม่ให้พลาด พวกเราก็จะมา สรุปผลฟุตบอล ยูซีแอล 12 เมษายน ให้เพื่อนๆ เช่นเคย

โดย เก่งหลังเกม ขอพาเพื่อนๆ ไปดูบทสรุป ของเกมการแข่งขันในนัดดังกล่าว พร้อมกับ บทวิเคราะห์ฟุตบอล หลังเกม จากพวกเราเช่นเคย

สรุปผลฟุตบอล ยูซีแอล 12 เมษายน กับ 2 ทีมแรก ที่ได้เข้าสู่รอบรองชนะเลิศ

1. บาเยิร์น มิวนิค 1-1 บียาร์เรอัล

เกมในเลกแรก เป็นทางฝั่ง บียาร์เรอัล เปิดบ้านเอาชนะไปก่อน 1-0 ทำให้ในเกมนี้ ทางฝั่ง เรือดำน้ำสีเหลือง ขอเพียงไม่แพ้ ก็จะเป็นฝ่ายผ่านเข้ารอบต่อไป ส่วนหากแพ้ลูกเดียว ยังพอได้ต่อเวลาพิเศษ แต่หากแพ้ 2 ลูกขึ้นไป ตกรอบทันที

เจ้าบ้านปรับทัพพอสมควร เริ่มจากแผนการเล่น ที่ปรับมาเล่นหลังสาม แถมเซ็นเตอร์แบ็คตัวข้าง ยังใช้ ลูคัส เอร์นานเดซ และ เบนจามิน ปาวาร์ ที่สามารถโยกไปเป็นฟูลแบ็คได้ในตัว เรียกได้ว่ากะบุกยิบๆ ตั้งแต่เริ่มเกม

เพราะเท่ากับเป็นการ เพิ่มผู้เล่นในเกมรุกมาอีกคน โดยเกมนี้ส่ง เลออน กอเรสก้า ลงมาคุมแดนกลาง คู่กับ โจชัว คิมมิช แล้วดัน จามาล มูเซียล่า ขึ้นไปยืนเป็นหน้าต่ำ คู่กับ โธมัส มุลเลอร์ ยืนหลัง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ส่วนริมเส้นใช้ เลรอย ซาเน่ ลงแทน แซร์จ กนาบรี้

ฝั่งทีมเยือน มาด้วยผู้เล่นชุดเดิม จากเกมในเลกแรก แบบ 100% ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตู ยันกองหน้า เนื่องจากแท็คติกของพวกเรา ในนัดแรกนั้น ถือว่าได้ผลดี จึงไม่มีเหตุผลต้องไปเปลี่ยน

เกมส่วนใหญ่ เป็นทางเจ้าบ้าน ที่ต้องเปิดเกมบุกตั้งแต่เริ่ม แต่เกมนี้ยังคงเจาะ แนวรับของ เรือดำน้ำ ได้ลำบาก เพราะผู้เล่นเอ้าท์ฟิลด์ ของทางทีมเยือนทั้ง 10 คน ไปยืนตั้งรับกันแถวๆ เขตโทษกันทั้งหมด

เช่นเดียวกัน เวลาพวกเขาสวนคืน ก็ใช้ผู้เล่นเพียงไม่กี่คน โอกาสเหน่งๆ เรียกว่าไม่มีเลย ทำให้ในครึ่งแรก ทั้งสองทีมจึงไม่มีโอกาสทำประตูกันมากนัก ทำให้เสมอกันอยู่ที่ 0-0 ในช่วงครึ่งแรก

เริ่มครึ่งหลัง บาเยิร์น ปรับมาบุกหนักยิ่งกว่าเดิม จนในช่วงต้นครึ่งหลัง พวกเขาพับสนามบุก แถมได้โอกาสยิงหลายต่อหลายหน จนมาได้ประตูขึ้นนำ จากความเฉียบคมของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ทำให้ตอนนี้ เกมกลับมาเท่ากันแล้ว

หลังจากนั้น รูปเกมค่อนข้างเปลี่ยน เพราะทาง บียาร์เรอัล เอง ก็อยู่เฉยไม่ได้ ทำให้หลังจากนั้น จะเอาแต่มาอุดอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเปิดเกมรุกมากขึ้น สังเกตุได้จากหลังบ้าน เริ่มเปิดช่องมากขึ้น

ส่วนใหญ่ โอกาสในการจบสกอร์ ก็คงยังเป็นของเจ้าบ้าน อยู่ตลอดเช่นเคย ส่วนทีมเยือน เรียกได้ว่าแม้จะพยายาม หวังพังประตูคืน แต่ก็ยังไม่มีโอกาสเลย ลำพังไม่เสียเพิ่ม ก็ดีแค่ไหนแล้ว

แต่ในช่วงท้ายเกม พวกเขามาตีเสมอได้ จากจังหวะสวนกลับ และเป็น ซามูเอล ชุควูเซ่ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมาไม่นาน ยิงด้วยซ้ายแบบไม่ต้องจับ บอลแสกหน้า มานูเอล นอยเออร์ เข้าไป จบเกมพวกเขาเสมอกัน 1-1 รวมผลสองนัด บียาร์เรอัล เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 2-1

2. เรอัล มาดริด 2-3 เชลซี

เลกแรกนั้นทาง มาดริด บุกไปชนะมาก่อนถึง 3-1 ซึ่งก่อนเกม หลายๆ คนมองว่า เป็นเรื่องยากมาก ที่ฝั่ง สิงโตน้ำเงินคราม จะพลิกเข้ารอบได้ เพราะเกมนี้ทาง ราชันชุดขาว ขอแพ้เต็มที่ลูกเดียว พวกเขาก็จะเข้ารอบ

เจ้าบ้านนั้น มีการปรับผู้เล่นบางตำแหน่ง อย่างในรายของ เอแดร์ มิลิเตา ที่เกมนี้โดนแบน หลังจากสะสมใบเหลืองครบ ทำให้ นาโช่ ได้โอกาสออกสตาร์ทตัวจริง ที่เหลือเป็นชุดเดิม จากเกมที่แล้ว

ส่วนทีมเยือน เกมนี้เหมือนใช้หลังสี่ โดยใช้ มาร์กอส อลอนโซ่ ยืนแบ็คซ้าย ส่วนกองกลางใช้ ก็องเต้ คู่กับ มาเตโอ โควาซิซ ส่วน รูเบน ลอฟตัส ชีค ยืนเอียงๆ เหมือนปีกขวา แต่ก็ไม่เชิง ส่วนแดนหน้า ใช้ ติโม แวร์เนอร์ ออกสตาร์ตัวจริง

เกมนี้ โธมัส ทูเคิ่ล เหมือนจัดทีมมาชน ในแดนกลางเลย เพราะแดนกลางของ มาดริด ถือว่าแข็งแกร่งมาก จากสามประสานเดิม และไหนจะ บัลเบร์เด้ ที่ลงมาช่วยได้อีก ที่เหลือเป็นคนเดิม จากเกมในเลแรก

เริ่มเกมมาไม่นาน เชลซี ออกนำเร็วจาก เมสัน เมาท์ ซึ่งมาจากขึ้นเกมแดนกลาง ที่เกมนี้ปรับทัพมาโดยเฉพาะ แล้วก็ดูจะได้ผลดีซะด้วย จากการออกนำเร็ว

ในครึ่งแรก ทั้งสองทีมยังคงเล่นกันอย่างระวัง แม้ทางทีมเยือน จะบุกมาขึ้นนำไปแล้วลูกนึงก็ตาม พวกเขายังต้องการอีกลูก เป็นอย่างน้อย ส่วนทางเจ้าบ้าน ยังคงได้เปรียบ หากแพ้ด้วยสกอร์นี้ ยังไงก็ยังเข้ารอบ เลยบุกแบบเผื่อฟลุ๊คมากกว่า

แต่เริ่มครึ่งหลังมาได้ไม่นาน เชลซี หนีห่างไปเป็น 2-0 จากลูกเตะมุม และเป็น อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ที่โหม่งย้อนศรเข้าเสาแรก ทำให้ตอนนี้ สกอร์รวมกลับมาเท่ากัน ที่ 3-3 แล้ว

หลังเกมนั้นเกมเปิดมากขึ้น เพราะทั้งคู่ต่างก็ต้องการประตู เพื่อเข้ารอบด้วยกัน ทำให้มีจังหวะทำประตูอยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะในช่วงนาทีที่ 60 ทีมเยือนได้สวนขึ้นมา

โดย มาร์กอส อลอนโซ่ ได้เติมขึ้นมาเปิดบอลไปติด การ์บาฆาล แต่บอลเด้งเป็นใจ กลับมาให้เจ้าตัวยิงด้วยขวา บอลเขาเสาสอง แต่ VAR ดูภาพช้าแล้ว จังหวะกระดอน บอลดันมาโดนมือ เลยโดนยึดคืนสถานเดียว

อย่างไรก็ตาม พวกเขามาได้ประตูที่สามจนได้ จากจังหวะที่แนวรับของ มาดริด เหม่อ เลยโดน โควาซิซ แทงทะลุไปให้ แวร์เนอร์ ได้โอกาสล็อคเข้ามายิง บอลแฉลบเป็นใจ ทำให้ตอนนี้ เชลซี กลับมานำ ด้วยสกอร์รวม 4-3 แล้ว

แต่หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาเปลี่ยนตัว โรดรีโก้ ลงมา และเป็นจังหวะหลังจากตัดบอล ในแดนของทีมเยือนได้ บอลมาถึง ลูก้า โมดริช ที่เปิดไซร้ก้อยด้วยข้างเท้าด้านนอก บอลมาถึง โรดรีโก้ จิ้มเข้าไปจ่อๆ ทำให้เกมกลับมาที่ 3-1 ต้องต่อเวลาพิเศษ

โดยในช่วงต่อเวลาพิเศษนั้น เจ้าบ้านมาได้ประตูชัย จาก คาริม เบนเซม่า คนดีคนเดิม ที่โหม่งลูกหยอดของ วินิซิอุส จูเนียร์ เป็นประตูชัย ให้ เรอัล มาดริด ผ่านเข้ารอบต่อไป ด้วยผลสกอร์รวม 5-4 แม้จะแพ้ในเกมนี้ 2-3 ก็ตาม

แฟนบอลโปรไลเซนส์

By KICKOFF

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *